เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ มองประเทศไทยศักยภาพสูง ชูเป็นศูนย์กระจายสินค้าแห่งภูมิภาค เตรียมผุดแวร์เฮาส์ใหม่ 4 แห่งทำเลยุทธศาสตร์ พร้อมรุกธุรกิจ e-Fulfillment Warehouse
นายสิทธิพล เจริญขจรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า จริงๆ แล้วประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีในการเป็นศูนย์กลางการรวม และกระจายสินค้าไปยังทั่วทุกภูมิภาค ขณะเดียวกันไทยยังคงเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าสู่ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เนื่องจากมีพรมแดนเชื่อมต่อกับไทย และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการที่ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจเข้าไปลงทุน ธุรกิจคลังสินค้ายังคงมีโอกาสอีกมากที่จะเติบโตไปในอนาคต
โดยที่ผ่านมาเราได้ให้บริการคลังสินค้าครบวงจร ด้านการจัดเก็บดูแล และขนส่งสินค้าต่างๆ ให้กับลูกค้ามากกว่า 200 บริษัทมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา รวมถึงบริการใหม่ที่เราได้เปิดดำเนินการ e-Fulfillment Warehouse เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีการค้าแบบออนไลน์ e-Fulfillment Center โดยได้จับมือกับ SCG Express เพื่อกระจายสินค้า
ปัจจุบันเรามีคลังสินค้าให้บริการกระจายอยู่ตามโลเกชันสำคัญๆ ถึง 4 แห่ง ได้แก่ คลังสินค้าที่กิ่งแก้ว, คลังสินค้านวนคร, คลังสินค้าพระราม 3 และ คลังสินค้าที่บางนา กม.18 และมีแผนจะขยายศูนย์กระจายสินค้าไปตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ อีก 4 แห่ง ได้แก่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ Special Economic Zone, บริเวณถนนพหลโยธิน กม.51, บริเวณถนนพระราม 2 และ บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง หรือ EEC
ล่าสุด เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารงานคลังสินค้า ทำให้กรมศุลกากรได้เลือกให้บริษัทเป็นโครงการต้นแบบ ในการใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการเชื่อมข้อมูลกับหน่วยงาน บริษัทจึงทุ่มเทพัฒนาระบบบริหารสินค้า (WMS), ระบบการจัดการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถรองรับระบบและเชื่อมต่อกับระบบของลูกค้าได้ทันที และใช้ได้ในทุกแพลตฟอร์ม
ขณะเดียวกันเราสามารถสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ตามความต้องการ ประเภท และ รูปแบบสินค้า ที่สำคัญ ในฐานะที่เราเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไป ยังมีสิทธิประโยชน์ที่ต่างคลังสินค้าทั่วไป คือ เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปที่รับเก็บสินค้าทั่วไป มีอายุการเก็บรักษา 3 ปี
โดยงดเว้นการเก็บอากรขาเข้าและขาออก หากส่งออกนอกราชอาณาจักร และยังงดเว้นการเก็บอากรขาเข้าและขาออก สำหรับสิ่งของที่นำเข้าจากต่างประเทศเพื่อทำการบรรจุ หรือ แบ่งบรรจุในคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปเพื่อเป็นสินค้าส่งออก โดยสามารถทยอยส่งออกได้ภายในระยะเวลา 3 ปี
นายมนตรี กำประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 64 ที่ผ่านมา คลังสินค้าของเราได้รองรับมูลค่าการซื้อขายทั้งในประเทศ และการนำเข้าส่งออกกว่าหมื่นล้านบาท แม้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด และคำสั่งล็อกดาวน์ เกิดการหยุดชะงักในห่วงโซ่ของโลจิสติกส์ แต่ธุรกิจของเรากลับได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า จนมีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 30%.