Pomelo แพลตฟอร์มแฟชั่นที่ยืนหนึ่งใน omnichannel ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านบาท ตั้งเป้าโต 100%
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 65 เดวิด โจว ประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ) และผู้ร่วมก่อตั้งโพเมโล แฟชั่น หรือ Pomelo กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 56 Pomelo ถือเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่นแบบ omnichannel ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ ในร้านสาขา หรือผ่านทางบริการ Tap.Try. Buy.
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานต่อความเติบโตดังกล่าว โพเมโลจึงประกาศแผนการลงทุนมากกว่า 1 พันล้านบาท นับตั้งแต่ 2566 เป็นต้นไป ทั้งในด้านการตลาดและคอนเทนต์ เพิ่มจำนวนแบรนด์ บนแพลตฟอร์มของโพเมโลจาก 500 แบรนด์เป็นมากกว่า 2,000 แบรนด์ และเพิ่มสัดส่วนร้านสาขาขึ้นอีกเท่าตัวจาก 27 สาขาเป็น 54 สาขา
อย่างไรก็ตาม รายงานของกูเกิล เทมาเส็ก และ บริษัท เบน แอนด์ คอมพานี เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะมีมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2573 โดยหมวดเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุดที่ 3.1 เท่า ซึ่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ซื้อออนไลน์ 350 ล้านคน
ด้วยข้อมูลเหล่านี้ โพเมโลเล็งเห็นโอกาสจึงได้วางแผนกลยุทธ์และการลงทุนของบริษัทในปี 2565 และปีต่อๆ ไป ด้วยการเร่งทำงานด้านการตลาดและเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับข้อมูลนี้ ควบคู่ไปกับการขยายการเติบโตของแบรนด์และการแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์
"ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อรูปลักษณ์ที่มั่นใจและทัศนคติที่ดีต่อตนเอง แก่ผู้หญิงทุกคน ผ่านผลิตภัณฑ์แฟชั่นที่มีคุณภาพ มีสไตล์ ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยของเรา การลงทุนในปี 2565 และปีต่อๆ ไปจะทำให้เราสานต่อการทำงานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของเรา พร้อมทั้งเติมพลังให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีแฟชั่นโดยรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย"
โดย Pomelo ตั้งเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าธุรกรรมรวมในตลาด หรือ GMV ให้เติบโตขึ้น 260% ในอนาคตอันใกล้ ด้วยการลงทุนด้านการตลาดและคอนเทนต์เป็นมูลค่า 1 พันล้านบาท การลงทุนนี้จะนำไปใช้เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ กำหนดกลยุทธ์และทีมที่ปรับให้เข้ากับแต่ละท้องถิ่น และสร้างเครื่องมือคิดคอนเทนต์แบบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติ
ทั้งนี้ สามารถรองรับการขยายตัวได้ในอนาคต และยังตั้งเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าธุรกรรมรวมในตลาดให้เติบโตขึ้น 2 เท่า สำหรับแบรนด์ในโพเมโล โดยตั้งเป้าที่จะเติบโตแบรนด์บนแพลตฟอร์มกว่า 2,000 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้
อย่างไรก็ตาม โพเมโลมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เอ็กซ์คลูซีฟและมีความหลากหลายจากหมวดหมู่แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ พร้อมเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับแบรนด์ผ่านศูนย์บริการ Dropship และ Seller Center นอกจากนี้แบรนด์ต่างๆ บนโพเมโลจะสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตบนแพลตฟอร์ม
ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ผู้ขายแห่งใหม่ (Seller Center) การค้าปลีกที่เชื่อมถึงกัน (Connected Retail) และการทำงานแบบข้ามพรมแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA Cross Border) พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ อีกมากมายที่พร้อมก้าวสู่อีกขั้นของการเติบโต
อย่างไรก็ตาม โพเมโลเป็นแพลตฟอร์มที่มีแบรนด์มากกว่า 500 แบรนด์ทั้งที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ แบรนด์จากดีไซเนอร์ ในภูมิภาคและแบรนด์จากอินสตาแกรมที่กำลังมาแรงที่สุด นอกจากนี้ บริษัทยังได้บรรลุพันธกิจในการนำแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดและตอบรับความต้องการของลูกค้ามากที่สุดในโลกมาสู่ชุมชนของโพเมโล ไม่ว่าจะเป็น Adidas, Maybelline, Cotton on และ Urban Revivo และอีกมากมายที่มาเข้าร่วมแพลตฟอร์ม
เดวิด โจว กล่าวอีกว่า สำหรับโพเมโล ประสบการณ์ของลูกค้าคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุดเสมอ นั่นคือที่มาให้โพเมโลนำเสนอบริการ Tap.Try.Buy ที่ช่วยมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริงให้กับลูกค้า พร้อมทั้งสร้างความรู้สึกของการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนสำหรับผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียและ #PomeloGirls กว่า 3 ล้านคน
เพราะพวกเขาคือแรงบันดาลใจที่แท้จริงของเราและเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ บริการ Tap.Try.Buy. คิดเป็น 24% ของคำสั่งซื้อทั้งหมด และเป็นการเน้นย้ำว่าเราเป็นผู้นำในเรื่อง omnichannel ส่วนคำสั่งซื้อจากช่องทางอีคอมเมิร์ซคิดเป็น 40%
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มร้านสาขาขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 54 สาขาทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน โพเมโลมีร้านสาขารวม 27 สาขา ทั้งในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งหลังการ ผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ในเดือนก.ย.ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทพบว่ามีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมทั้งที่ร้านและในแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มมากขึ้นถึง 84% ปัจจุบัน โพเมโลมีพนักงานมากกว่า 600 คนทั่วภูมิภาค โดยมีสำนักงานทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีน บริษัทกำลังก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นให้พนักงานเป็นศูนย์กลาง
"ในปี 2564 เราได้เปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่างเป็นทางการในฟิลิปปินส์ เปิดร้านสาขาแห่งแรกในมาเลเซีย เปิดตัวบริการ Tap.Try.Buy. at Home และเปิดตัว Prism หน่วยธุรกิจใหม่ล่าสุดของเราที่จะช่วยหนุนพันธมิตรของแบรนด์ของเราผ่านการจัดหาโซลูชันที่หลากหลายเพื่อช่วยขยายธุรกิจของพวกเขา"