“นินจาแวน ประเทศไทย” จากสิงคโปร์ หนึ่งในผู้นำบริการโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้ารุกไทย ลุยหาพาร์ตเนอร์หน้าร้านเพิ่มจุดรับส่งพัสดุปูพรมให้บริการทั่วไทยใน 3 ภูมิภาค 34 จังหวัด
นายเพียซ เอิง ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า นิยามของนินจาแวนก็คือผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุสำหรับธุรกิจทุกขนาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยลดความยุ่งยากในการจัดส่งพัสดุเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถมุ่งขยายธุรกิจและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เริ่มเปิดให้บริการในประเทศไทยเมื่อปี 2559
ขณะนี้ได้ดำเนินธุรกิจใน 6 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยตั้งแต่เมื่อปี 2560 ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ และเมื่อเดือน มี.ค.ปีนี้ยังได้เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เมื่อเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซจากจีนคือ “อาลีบาบา” ได้เข้ามาร่วมลงทุนอีก 578 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
“สำหรับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เห็นได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มมากขึ้นในช่วงภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้นินจาแวน ประเทศไทย เติบโตขึ้นโดยมียอดจัดส่งพัสดุเพิ่มขึ้น 40% จากปี 2563 ในขณะที่ภาพรวมการเติบโตของนินจาแวนในภูมิภาคเอเชียเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และคาดว่าในปีหน้าบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่เข้ามามีบทบาทสำคัญและกลายเป็นช่องทางหลักในการสร้างยอดขายของธุรกิจ แม้ว่าทั่วโลกยังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 อยู่ก็ตาม”
นายเพียซกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีจุดรับส่งพัสดุกระจายอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก จำนวน 150 แห่ง โดยภายในต้นปีหน้าได้ตั้งเป้าเพิ่มจุดรับส่งพัสดุให้ได้ 1,000 แห่ง ใน 3 ภูมิภาค 34 จังหวัด สาเหตุที่เน้นให้บริการในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจาก กทม. และผู้ค้าส่วนใหญ่เป็นร้านค้าออนไลน์ในเขต กทม.และปริมณฑล ที่อยู่บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ส่งผลให้ผู้ค้าไม่ต้องเสียค่าขนส่งในอัตราที่สูงจนเกินไป
นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทยังมีแผนที่จะขยายจุดรับส่งพัสดุกระจายไปยังพื้นที่ในภาคอื่นๆให้ได้ 2,000 แห่งทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2565 โดยเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ตามลำดับ โดยผู้ที่สนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนทำธุรกิจเป็นคู่ค้ากับบริษัทสามารถสมัครผ่านทางเฟซบุ๊ก คอลเซ็นเตอร์ และ LINE Official Account ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจติดต่อเข้ามามากกว่า 1,000 ราย
ขณะเดียวกัน ยังเตรียมความพร้อมการจัดส่งพัสดุในช่วงเทศกาลมหกรรมช็อปปิ้งออนไลน์แคมเปญ “12.12” ด้วยการจ้างพนักงานพาร์ตไทม์เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว และมีค่าตอบแทนพิเศษให้กับทีมงานฝ่ายปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นไรเดอร์ พนักงานขับรถ และเจ้าหน้าที่ดูแลคลังสินค้า โดยคาดว่าในช่วงมหกรรมช็อปปิ้งออนไลน์แคมเปญ 12.12 จะมีพัสดุเข้ามาในคลังสินค้าจำนวนเพิ่มขึ้น 30% จากปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่า จะเป็นอีกหนึ่งนัยสำคัญในการส่งผลให้ยอดเติบโต 3 เท่าตามแผนที่ตั้งไว้
นอกจากนั้นบริษัทยังได้จัดกิจกรรม “12.12 แจกจุกๆ ส่งสุขท้ายปี” ให้ร่วมสนุกรับรางวัลบนเฟซบุ๊กในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึงมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ด้วยโปรโมชันค่าส่ง 20 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนักไม่เกิน 3 กก. ตลอดทั้งเดือน ธ.ค.2564”
พร้อมกันนี้เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจหมดห่วงด้านการจัดส่งและสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้ บริษัทจึงได้มองหาคู่ค้า หรือพาร์ตเนอร์ที่สนใจทำธุรกิจจัดส่งพัสดุ โดยแบ่งประเภทของจุดรับส่งพัสดุออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.นินจาพอยต์ เป็นจุดรับส่งพัสดุที่ให้บริการแบบเต็มรูปแบบ ในรูปแบบการลงทุนเอง หรือแบบแฟรนไชส์, 2.นินจาโฮม เป็นจุด drop off เท่านั้น โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นหน้าร้านแบบเต็มรูปแบบ เพียงแค่ติดป้ายรับพัสดุจากนินจาแวนก็สามารถเป็นนินจาโฮมได้ โดยลูกค้าที่มาใช้บริการจะต้องมีใบแปะหน้าพัสดุตามกฎของนินจาแวน และ 3.นินจาโฮมพลัส เป็นจุด drop off ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่แบรนด์นินจาแวนเพียงรายเดียว โดยลูกค้าที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนกับนินจาแวนก็สามารถใช้บริการได
ที่สำคัญบริษัทยังมีจุดแข็งในการให้ความสำคัญกับลูกค้าโดยให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและฝ่ายบริการลูกค้าจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลผู้จัดส่งเฉพาะรายให้กับธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ที่สามารถให้ความช่วยเหลือด้วยช่องทางบริการที่เข้าถึงง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถตรวจสอบติดตามสถานะเส้นทางการจัดส่งพัสดุได้โดยตลอด เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านการขนส่งให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และถือเป็นการยกระดับการบริการให้ลูกค้าทุกรายสามารถเข้าถึงบริการของนินจาแวนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งยังมีการมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง
“ในปีหน้าการเติบโตของอีคอมเมิร์ซจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงมีแผนจะเพิ่มศูนย์คัดแยกพัสดุที่สามารถรองรับพัสดุได้ถึง 800,000 ชิ้นต่อวัน คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ประมาณกลางปี 2565”