ไทยประกันชีวิต ยืนยันฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมดูแลผู้เอาประกันภัยตามเงื่อนไขสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โชว์เงินกองทุนสูงกว่า คปภ. กำหนด เงินสำรองกว่า 380,000 ล้าน
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 64 นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพของผลิตภัณ ฑ์และบริการ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการรับประกันภัยอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เอาประกันภัยของบริษัท
สำหรับ ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมาก โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 ไทยประกันชีวิตมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย อยู่ที่ 334% ซึ่งสูงกว่าอัตราที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กำหนดที่ 120%
เงินสำรองประกันชีวิต 385,723 ล้านบาท ที่พร้อมจ่ายสินไหมและเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์แก่ผู้เอาประกันตามเงื่อนไขสัญญา และมีสินทรัพย์รวม 511,391 ล้านบาท รวมถึงได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ จากสถาบัน Fitch Ratings อยู่ที่ AAA(tha) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของธุรกิจไทย
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่ไทยประกันชีวิตไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากอัตราการจ่ายสินไหมทดแทนของบริษัทฯ ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และหลังการแพร่ระบาด อยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยปี 2562 มีจำนวนการเคลมสินไหมทดแทน ทั้งสินไหมมรณกรรมและสินไหมสุขภาพ ประเภทกรมธรรม์รายบุคคล หรือ Ordinary life และประเภทสินเชื่อ หรือ Credit life อยู่ที่ 722,863 ราย รวมเป็นเงินจ่ายสินไหมทั้งสิ้น 11,317,364,873 บาท
ส่วนปี 2563 จำนวนการเคลมสินไหมทดแทนอยู่ที่ 608,667 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,647,685,974 บาท ขณะที่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 จำนวนการเคลมสินไหมทดแทนอยู่ที่ 478,467 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,820,610,947 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการด้านสินไหมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีนโยบายด้านการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบรัดกุม โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee : RMC ) โดยการบริหารจัดการความเสี่ยงนั้น บริษัทฯ จัดการความเสี่ยงทั้งในระดับองค์กร และระดับหน่วยงาน โดยระบุความเสี่ยงออกเป็นด้านต่างๆ อาทิ ความเสี่ยงด้านประกันภัย ความเสี่ยงด้านการตลาด ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ความเสี่ยงด้านเครดิต
รวมไปถึงความเสี่ยงด้านความเพียงพอของเงินกองทุน ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ และความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์ RMC เป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลความเสี่ยงภายในองค์กร โดยจะกำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยง และความเสี่ยงที่ยอมรับได้สำหรับระบบงานที่สำคัญ เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันภัย การลงทุน ความเสี่ยงจากอัตรามรณะ และการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง และมีการติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบการบริหารความเสี่ยงขององค์กรดำเนินไปด้วยความราบรื่น
นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิต ยังให้ความสําคัญในการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management : BCM) เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ บริษัทจะสามารถตอบสนองและปกป้องผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย สามารถรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัทฯ รวมถึงสามารถดําเนินธุรกิจที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"บริษัทฯ พร้อมเคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ พร้อมดูแลผู้เอาประกันภัยตามเงื่อนไขสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ทั้งการจ่ายสินไหมและเงินผลประโยชน์ต่างๆ ยกเว้นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการรับประกันภัย หรือมีเจตนาทุจริตต่อบริษัทฯ จึงขอให้ผู้เอาประกันภัยที่ถือกรมธรรม์ของไทยประกันชีวิตเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับการดูแลตลอดสัญญากรมธรรม์"