แสนสิริ ผนึก ชาร์จ แมเนจเม้นท์ ทุ่มงบติดตั้ง EV Charging ตั้งเป้าภายใน 3 ปี ทุกโครงการแนวสูง แนวราบเซ็กเมนต์บีขึ้นไปต้องมีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 64 นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก ในปี 2562 แสนสิริ จึงได้เข้าร่วมเป็น Strategic Partner กับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ หรือ SHARGE เพื่อขยายโซลูชั่นในการอำนวยความสะดวกลูกบ้านแสนสิริในการใช้รถพลังงานไฟฟ้าและการเข้าถึงสถานีชาร์จ ด้วยการติดตั้ง EV Charging Station ในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ
ทั้งนี้ จะนำร่องโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 95 หัวชาร์จ (50 เครื่อง) ใน 28 โครงการ ความร่วมมือดังกล่าวก่อให้เกิดการรับรู้ต่อผู้อยู่อาศัยถึงการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นจากหน่วยเล็กๆ ของสังคมนั่นคือที่อยู่อาศัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าตอบโจทย์แนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับความร่วมมือในก้าวต่อไประหว่างแสนสิริและ SHARGE เพื่อสานต่อนโยบาย Sansiri Sustainability Mission ในการร่วมสร้างปรากฏการณ์แห่งอนาคต เพื่อสร้างเทรนด์ที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่นำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ได้กำหนดเป็นโรดแมป 3 ปี (2565-2567)
โดยกำหนดเป้าหมายขยายการติดตั้ง EV Charging Station ให้ครอบคลุมโครงการแนวสูงที่เปิดใหม่ และโครงการแนวราบในระดับเซ็กเมนต์ B ขึ้นไปทุกโครงการ ภายใต้งบลงทุน 65 ล้านบาท หรือการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ราว 1,500 เครื่อง ภายใน 3 ปี
ทั้งนี้ จะเริ่มในโครงการบ้านเดี่ยวในเซ็กเมนต์ B ขึ้นไป จะได้รับพริวิลเลจพิเศษ เป็นเครื่องชาร์จ ABB Terra AC Wallbox (Normal Charge) นำเข้าโดย SHARGE ที่สามารถชาร์จได้เร็วถึง 4-8 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดรถ)
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE กล่าวว่า การได้เข้าร่วมเป็น Strategic Partner กับแสนสิริ ที่เล็งเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ EV ตลอดจนไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านที่ต้องการชาร์จรถที่บ้าน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับโรดแมปของประเทศที่ภาครัฐให้การสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาเปลี่ยนแปลงการใช้ EV มากขึ้น
โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องกับโรดแมป 5 ปี ของ SHARGE ที่ตั้งเป้าหมายดำเนินผ่านกลยุทธ์ LIFESTYLE CHARGING ECOSYSTEM: NIGHT, DAY, ON-THE-GO เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์และอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างยั่งยืน โดยเราได้สร้างระบบนิเวศที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรมของผู้บริโภค 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
NIGHT : กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่บ้าน ซึ่งกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนสูงสุดหรือคิดเป็น 80% ของผู้ใช้รถ EV ทั้งหมด เพราะจากการศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้งานรถ EV ในสหรัฐฯ จีน และยุโรป พบว่า ส่วนใหญ่จะนิยมชาร์จที่บ้านในเวลากลางคืน เพราะสะดวกและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ประจำวันที่คนส่วนใหญ่จะจอดรถไว้บ้านในเวลากลางคืน รวมถึงการชาร์จตามบ้านมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่า
DAY : กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น การชาร์จตามศูนย์การค้า แหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ สถานศึกษา และอาคารสำนักงานโดยกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 15%
ON THE GO : กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่ต้องการชาร์จตามสถานีชาร์จระหว่างการเดินทางข้ามจังหวัด หรือการท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนน้อยที่สุดคือ 5% ของจำนวนผู้บริโภคทั้งหมด
ทั้งนี้ SHARGE ได้ทำงานร่วมกับแสนสิริ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ Infrastructure ของ EV Charging Station ในแต่ละโครงการเปิดใหม่ของแสนสิริทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของการให้บริการและติดตั้งแท่นชาร์จให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้าน
รวมถึงได้ร่วมกันพัฒนาอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านผู้ใช้รถ EV ในการเพิ่มฟีเจอร์การจอง EV Charging Station บน Sansiri Home Service Application ซึ่งเป็นการนำเอาบริการจากแอปพลิเคชันของ SHARGE ที่มีไว้สำหรับค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และเครือข่ายพันธมิตรในแหล่งไลฟ์สไตล์ทั่วกรุงเทพฯ อีกด้วย.