สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด–19 ได้สร้างผลกระทบครั้งประวัติศาสตร์ให้กับมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจที่จะต้องเร่งปรับตัวให้สามารถอยู่รอดต่อไปในอนาคตให้ได้
ในช่วงที่ผ่านมาเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ได้มีบทบาทโดดเด่นในการรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ได้ระดมสรรพกำลังทั้งงบประมาณนับพันล้านบาทและบุคลากรออกไปช่วยเหลือประชาชน องค์กรต่างๆ ทั้งการบริจาคอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ การลงทุนสร้างโรงงานผลิตหน้ากากเพื่อแจกฟรี ไปจนถึงการลงมือปลูกฟ้าทะลายโจรบนพื้นที่นับร้อยไร่เพื่อแจกจ่ายให้คนไทยเอาไว้รักษาโควิด
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เครือซีพี ได้ส่งข่าวที่น่าสนใจมากก็คือ ในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ ได้ขออาสาเป็นหนึ่งในธุรกิจที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้าสู่เวทีโลก ทางเครือซีพีมองว่าจะต้องเตรียมตัวรับโลกหลังโควิด ซึ่งทำสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป
ที่ผ่านมาธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบ ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก และยังเกิดบริษัทขนาดใหญ่ในระดับอินเตอร์จำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยบนเวทีโลก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ จากธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยอ่อนแอลง
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอ เครือซีพี กล่าวว่า ได้เตรียมกลยุทธ์พร้อมเดินหน้าการลงทุนอย่างเต็มที่ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีความหลากหลายทางธุรกิจมากที่สุดในประเทศไทย และมีพนักงานมากกว่า 400,000 คน เครือซีพีจะเร่งขยายธุรกิจในต่างประเทศและจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการและธุรกิจอื่นๆในประเทศ
ด้วย 4 กลยุทธ์ที่สำคัญคือ 1.เร่งเครื่องการลงทุน 2.เร่งเครื่องการเดินหน้าบนเวทีโลก 3. ลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจของเครือเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ 4.สร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจเพื่อขยายความร่วมมือกับธุรกิจผู้ประกอบการอื่นๆของไทย รวมถึงเกษตรกรจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดต่างประเทศ
“ทางเครือซีพีจะเดินหน้าลงทุนในโครงการใหม่ๆ รวมทั้งโครงการลงทุนเดิมเพื่อเกิดดีลธุรกิจใหม่ๆ เกิดการว่าจ้างงาน โดยเฉพาะเกษตรกรและเอสเอ็มอีรวมกันกว่า 1.2 ล้านราย ที่มีความร่วมมือทางธุรกิจกันอยู่แล้วทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนในต่างประเทศโครงการใหญ่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในปีนี้จะช่วยเพิ่มตัวตนและสถานภาพที่แข็งแกร่งของธุรกิจไทยในตลาดต่างประเทศได้”
นายศุภชัยกล่าวว่า เครือซีพีจะเดินหน้าสู่การผลักดัน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” จะเป็นแพลตฟอร์มส่งเสริมให้เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ พัฒนาศักยภาพ พร้อมกับเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
“เมื่อบริษัทใดก็ตามในเครือซีพี ประสบความสำเร็จในต่างประเทศได้แล้วจะช่วยให้กลุ่มเอสเอ็มอีไทยตลอดจนเกษตรกรและผู้ผลิตต่างๆ สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศเหล่านั้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน เพิ่มศักยภาพและช่วยให้เข้าถึงตลาดที่ปกติแล้วจะมีแต่บริษัทใหญ่ๆที่สุดของไทยเท่านั้นที่จะสามารถเข้าได้ เป็นการปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจใหม่อย่างมหาศาล ขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำเส้นทางการดำเนินธุรกิจของเครือซีพีในระดับสากล ผ่านแนวคิดแบบวิน–วิน”
นายศุภชัยมองว่า โมเดลธุรกิจ “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” นี้เป็นแนวทางหนึ่งที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศไทย ในโลกยุคใหม่หลังเกิดการแพร่ระบาด เพราะเป็นการรวมพลังและระดมศักยภาพของเอสเอ็มอีหลายหมื่นราย
เป็นยุคที่จะต้องสร้างความร่วมมือรายใหญ่มีพลังจูงรายเล็กออกไปหาโอกาสใหม่ๆฟื้นตัวจากผลกระทบโควิดในช่วงที่ผ่านมา และภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่อ่อนแอตามหลังประเทศอื่นๆจะกลับมามีความแข็งแกร่งต่อไป.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th