On The Rise EP.5 : เอ็ม ไนซซีซันนิ่ง วัดใจด้วยการลาออกจากงานประจำ ทำผงปรุงรสไร้ผงชูรส

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

On The Rise EP.5 : เอ็ม ไนซซีซันนิ่ง วัดใจด้วยการลาออกจากงานประจำ ทำผงปรุงรสไร้ผงชูรส

Date Time: 31 มี.ค. 2564 21:00 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • ผมกับแฟนตัดใจลาออกจากงานประจำทั้งคู่แล้ว ตอนนั้นเงินเดือนเราก็หลักหมื่น แต่ประเด็นคือ ถ้าเรายังทำงานบริษัท เสาร์อาทิตย์ผมว่ามันไม่เพียงพอที่เราจะทุ่มกับธุรกิจผงปรุงรสของเรา

Latest


On The Rise EP 5 มิ้นท์ อรชพร ชลาดล พาไปรู้จักเจ้าของผงปรุงรสแบบไร้ผงชูรส Nize Seasonings ที่สาวกอาหารคลีนรู้จักกันเป็นอย่างดีกว่าจะประสบความสำเร็จในเรื่องของรสชาติ และยอดขาย เขาต้องเจอกับอะไรบ้างลองติดตามกัน 

เอ็ม Nize Seasonings บอกถึงที่มาของผงปรุงรสที่ไม่มีผงชูรสว่า โจทย์ที่ตอนนั้นที่ผม กับแฟนอยากจะลดน้ำหนัก ตอนนั้นเราก็กินคลีนทุกวัน แต่สุดท้ายมันก็ไปไม่รอด เพราะเราทานแต่ อกไก่นึ่ง ปลานึ่ง สุดท้ายก็เลยไปหาเครื่องปรุงอะไรสักอย่างที่มันไม่ใช่ผงชูรส แต่ทำยังไงให้มันอร่อย พอดีแฟนไปเจอพวกเครื่องเทศ สมุนไพรของไทย เขาก็เลยมาประยุกต์ดัดแปลงแล้วก็เป็นสูตร แล้วก็มาลองทำทานทุกวันครับ จนมาเป็นผงปรุงรสขึ้นมา

ทั้งนี้ พอเราพัฒนาสูตรแรกเสร็จ ผมกับแฟนก็เลยเอาไปให้เพื่อนในกลุ่มที่ชอบทานคลีนลองทานดู สุดท้ายเพื่อนๆ บอกว่า ใช้ได้ ทำได้ อร่อยดี เราก็เลยเห็นตรงนี้ว่ามันเป็นโอกาสทางธุรกิจ เราก็เลยเริ่มที่อยากจะทำตรงนี้เป็นธุรกิจจริงจังกัน ถ้าสมัยก่อนเนี่ย แฟนทำคนเดียวเลย คือ ผมเป็นฝ่ายแผนกชิม เขาก็เป็นฝ่ายผลิต เราก็มาช่วยกัน

"บางอย่างไม่อร่อยก็ทิ้งไปเยอะเหมือนกันนะ แต่ว่าสุดท้ายก็ได้สูตรที่เรารู้หลักละ เรารู้ taste แล้วว่า ว่าต้องไปใน way ไหน เราพัฒนาสูตรกว่า 1 ปีกว่ารสชาติจะนิ่งได้ ก่อนหน้านั้นรสชาติ แต่ละครั้งเนี่ย มันก็จะไม่เหมือนเดิม ตอนนั้นเรายังไม่รู้หลักว่าเป็นเพราะอะไร เพราะจริงๆ สิ่งที่จะทำให้รสชาติอร่อยก็คือ วัตถุดิบ วัตถุดิบเนี่ยต้องเกรดพรีเมียม และของต้องสดใหม่"

ก่อนหน้านี้เราก็ทำการตลาด Nize Seasonings ในออนไลน์อย่างเดียว เพราะว่าเรามีกลุ่มคนทานคลีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ค่อนข้าง Niche มาก พอเห็นปุ๊บก็รู้เลย ผงปรุงรสของเราออกมาแก้ Pain Point ของเขาที่เขากินอาหารแล้วก็ไม่อร่อย เขาถึงยอมที่จะซื้อสินค้าของเรา พอซื้อปุ๊บ ติดใจ ก็สั่งต่อ ปากต่อปาก ตามเทรนด์ของอาหารคลีนขึ้นเรื่อยๆ พอเราเริ่มจากออนไลน์ปุ๊บแล้วเราดูแล้ว โอเค แนวโน้มมันไปได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเราอยากขยายไปร้านค้าสุขภาพต่างๆ แต่ยังติดประเด็น คือ เราทำเป็น Home-made และยังไม่มี อย. เราเลยต้องหาสถานที่ที่ทำโรงงานให้ได้มาตรฐานของ อย. เรามองคิดว่าถ้าเราทำแค่นี้ มันก็จะอยู่ต่อแค่นี้ แต่ถ้าสมมติถ้าเราอยากจะขยายมากกว่านี้ เราต้องมี อย. เพราะอนาคตถ้าเราจะไปลงตามร้านค้าต่างๆ สิ่งที่เขาจะถามคำแรกคือ สินค้าคุณมี อย.หรือเปล่า

"ผมกับแฟนตัดใจลาออกจากงานประจำทั้งคู่แล้ว ตอนนั้นเงินเดือนเราก็หลักหมื่น แต่ประเด็นคือ ถ้าเรายังทำงานบริษัท เสาร์อาทิตย์ผมว่ามันไม่เพียงพอที่เราจะทุ่มกับธุรกิจผงปรุงรสของเรา ผมกับแฟนก็เลยคุยกันว่าวัดใจออกกันเลยไหม แล้วก็มาทำ Nize Seasonings ให้เต็มที่"

สำหรับการขายสินค้าของเรา ถ้าร้านค้าสุขภาพ คือไม่ยาก เพราะเขาจะรู้จักเราอยู่แล้ว แต่ที่ยากที่สุดคือเราจะบอกกับผู้บริโภคยังไงว่า สินค้าของเราคืออะไร เขาจะงงว่าผงปรุงรสอาหารคลีน มันคืออะไร เราก็อธิบายว่ามันคือเป็นผงปรุงรสที่ไม่มีผงชูรส ไม่มีสารเคมี แต่มันอร่อยด้วยเครื่องเทศอะไรประมาณนี้ แล้วก็จะมีเมนูให้ลูกค้าดูว่าวิธีการทำอาหารทำยังไง เป็นต้น

หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เทรนด์สุขภาพในเมืองไทยยังไม่ได้มาเหมือนในปัจจุบัน ตาม Modern Trade หรือซุปเปอร์ต่างๆ ยังไม่มีพวกโซนสุขภาพ แต่ประมาณ 1 ปีก่อน แต่ละห้าง แต่ละซุปเปอร์เนี่ย เริ่มเล็งเห็นความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ก็เลยเป็นโอกาสของแบรนด์เราที่จะได้มีวางจำหน่ายสินค้า

"5 ปีกับธุรกิจผงปรุงรส ผมกับแฟนภูมิใจมากๆ ปัจจุบันรายได้ก็ขึ้นหลักแสนแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญ ลูกค้า Inbox มาขอบคุณเราที่เราทำสินค้าตัวนี้ให้ อย่างเช่นมีเคสนึงเขาบอกว่าเป็นผู้ป่วยโรคไต ซึ่งคุณหมอเขาจะพูดอย่างเดียวว่า ห้ามทานเค็ม แต่เขาไม่รู้ว่าไม่ทานเค็ม แล้วทานอะไรได้บ้าง เขาก็เลยซื้อไปที่บ้านลองทำ ลูกค้าก็สามารถทานอาหารได้ทุกวัน เพราะว่าอาหารมีรสชาติมากขึ้น พ่อแม่เขาก็กินได้เยอะขึ้น เขาก็ดีใจ เขาก็เลย Inbox กลับมาว่าขอบคุณเรา ตอนนั้นเราก็ตกใจเหมือนกันว่า เอ๊ะ เราได้เงินลูกค้าแล้วทำไมลูกค้าต้องมาขอบคุณเราด้วย ตรงนี้แหละ คือ กำลังใจสำคัญสำหรับผมกับแฟน"


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์