4 พันธกิจในมือบิ๊ก “อคส.” คนใหม่ ฟื้นฟูกิจการ หารายได้เพิ่มล้างภาพทุจริต

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

4 พันธกิจในมือบิ๊ก “อคส.” คนใหม่ ฟื้นฟูกิจการ หารายได้เพิ่มล้างภาพทุจริต

Date Time: 25 มี.ค. 2564 09:18 น.

Summary

  • อคส.ลุย 4 พันธกิจ ปรับภาพลักษณ์ ปรับโครงสร้างองค์กร และหารายได้เพิ่ม หวังขึ้นชั้นองค์กรโปร่งใส พร้อมตั้งทีมเฉพาะกิจสะสางคดีค้างเก่า–รื้อทุจริต ไม่หวั่นถูกพนักงานรุมต้าน

Latest

อัปเดต 5 กลยุทธ์ขายของ พิชิตใจคน Gen Z อยากรักษ์โลก แต่ของมันต้องมี แบรนด์รับมืออย่างไร?

อคส.ลุย 4 พันธกิจ ปรับภาพลักษณ์ ปรับโครงสร้างองค์กร และหารายได้เพิ่ม หวังขึ้นชั้นองค์กรโปร่งใส พร้อมตั้งทีมเฉพาะกิจสะสางคดีค้างเก่า-รื้อทุจริต ไม่หวั่นถูกพนักงานรุมต้าน ตั้งเป้าปี 2564 มีรายได้ 2,000 ล้านบาท ส่วนทุจริต ถุงมือยาง เอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยหลังจากรับตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2563 ว่า จากนี้ไปตนจะเร่งปรับภาพลักษณ์ ปรับโครงสร้างองค์กร และหารายได้เพิ่ม เพราะ อคส.มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีนัก โดยเฉพาะเรื่องทุจริตและขาดทุนต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าให้ อคส.เป็นองค์กรที่โปร่งใส ชัดเจน ตรงไปตรงมา เพื่อให้ในปีนี้จะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมามีรายได้ปีละ 1,000 ล้านบาท และ ขาดทุนปีละ 120-150 ล้านบาท

“การปรับภาพลักษณ์ หรือหารายได้เริ่มได้ช้า เพราะเจอปัญหาถุงมือยาง และพบเงินหายไปจากบัญชี 2,000 ล้านบาท เลยต้องหาที่มาที่ไป พร้อมส่งเรื่องให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการ แต่ขณะนี้กรอบใหญ่ของการปรับโครงสร้างองค์กรและหารายได้ คณะกรรมการ (บอร์ด) อคส.ได้อนุมัติแล้ว ทำให้เริ่มงานได้ทันที”

เดินหน้าปรับภาพลักษณ์องค์กร

ทั้งนี้ ได้กำหนดพันธกิจเร่งด่วน 4 ด้าน คือ ซ่อม สร้าง เพิ่ม และสะสาง โดยด้านซ่อม จะปรับโครงสร้างองค์กร รองรับภารกิจเพิ่มเติม เช่น เพิ่มสำนักพืชไร่ พืชสวน ปศุสัตว์ สัตว์น้ำ ฯลฯ เพราะวางแผนทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสินค้าเหล่านี้ จากหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรมาโดยตลอด ขณะที่ในด้านสร้างได้กำหนดแผนทำธุรกิจ เช่น โครงการแก้มลิงที่จะรับซื้อผลผลิตส่วนเกิน ทั้งพืชไร่ พืชสวน ปศุสัตว์ สัตว์น้ำ จากเกษตรกรมาเก็บไว้ในคลังของ อคส. แล้วนำไปแปรรูป หรือนำออกขายในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย เพื่อทำให้ อคส.มีกำไร รวมถึงจะปรับภาพลักษณ์องค์กร และใช้ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด (อินฟลูเอนเซอร์) หรือเน็ตไอดอล ช่วยประชาสัมพันธ์

ล่าสุด อคส.ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับชาวนาในหลายจังหวัด เพื่อซื้อข้าวมาทำเป็นข้าวสารบรรจุถุงแบรนด์ อคส. ซื้อข้าวหอมมะลิลพบุรี ข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม กข.79 กำแพงเพชร และกำลังจะซื้อข้าวหอมมะลิบุรีรัมย์อีก เพื่อขายผ่านร้านธงฟ้าทั่วประเทศ ห้างเทสโก้ โลตัส ร้านเบทาโกร ร้าน VGF ใน ภาคเหนือ ที่จะทำให้มีรายได้จากการขายข้าวถุง เพิ่มขึ้น จากปีก่อนที่ได้ 300-400 ล้านบาท

“ ขณะที่ในด้านเพิ่ม ก็จะเพิ่มศักยภาพคลังสินค้าต่างๆ เพื่อหารายได้เพิ่ม โดยเฉพาะคลังสินค้าราษฎร์บูรณะ และคลังสินค้าธนบุรี ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคลังสินค้าราษฎร์บูรณะจะปรับปรุงให้เป็นห้องเย็น และเปิดให้เอกชนมาเช่าฝากเก็บสินค้า คลังสินค้าธนบุรี กำลังหารือกับผู้บริหารปากคลองตลาด เพื่อให้มาเช่าทำเป็นตลาดดอกไม้ รวมทั้งจะเพิ่มเครือข่ายจำหน่ายสินค้า เครือข่ายเกษตรกร และพันธมิตรทางธุรกิจ”

ตั้งทีมกวาดล้างทุจริตให้สิ้นซาก

นายเกรียงศักดิ์กล่าวต่อถึงด้านสะสางว่า ได้ตั้งทีมสะสางคดีค้างเก่า และการทุจริต โดยรับสมัครผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านกฎหมาย และผู้อำนวยการสำนักนิติการ จากบุคคลภาย นอก ส่งผลให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อคส. (สร.อคส.) และพนักงานบางส่วนไม่พอใจ ทำบัตรสนเท่ห์โจมตี หนักสุดถึงขั้นนำภาพถ่ายของตนมาทำเป็นพวงหรีด มีข้อความว่า “สู่สุคติ (ผอก.เกรียงศักดิ์) ไปที่ชอบ ที่ชอบ”

กรณีดังกล่าวสันนิษฐานว่า อาจมาจากปมขัดแย้งคือ คดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางที่สร.อคส.และพนักงานบางส่วนไม่พอใจ กล่าวหาว่าตนไม่เร่งเอาเงิน 2,000 ล้านบาท ที่ อคส.โอนเป็นค่ามัดจำซื้อถุงมือยางให้กับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยางมาคืนให้ อคส.โดยเร็ว และการประกาศกวาดล้างทุจริต

“การสะสางคดีค้างเก่า ในส่วนคดีรับจำนำมันสำปะหลังตั้งแต่ปีการผลิต 2551/52,ปี 25 55/56 และปี 2556/57 ได้ส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ที่มีทั้งเจ้าของคลังเก็บมัน เจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้อง รวม 161 คดี มูลค่าความเสียหาย 18,723 ล้านบาท คดีถึงที่สุดแล้ว 14 คดี ศาล พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. 4,883 ล้านบาท คงเหลือ 147 คดี”

ขณะที่คดีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีและนาปรัง ตั้งแต่ปีการผลิต 2554-2557 ได้ส่งให้อัยการส่งฟ้องร้อง 1,143 คดี อยู่ในศาลชั้นต้น 1,136 คดี ศาลอุทธรณ์ 4 คดี และ ได้ตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามคดีรับจำนำข้าวว่าที่ อคส.ส่งอัยการฟ้องร้องไปแล้ว ครบถ้วนแล้วหรือไม่ หากยังมีคดีตกค้างจะเร่งรัดส่งฟ้องโดยเร็ว รวมทั้งจะเดินหน้ารื้อเรื่องทุจริตเก่าๆ ที่ผู้บริหาร อคส.ที่ผ่านมาได้สั่งให้ยุติเรื่อง และ ไม่ส่งอัยการฟ้องร้องผู้กระทำผิด เพราะบาง
กรณีทำให้ อคส.เสียหายถึง 4,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการถูกต้อง โปร่งใส ไม่กังวลว่าจะถูกโจมตีอีก

ฟ้อง “แก๊งถุงมือยาง” ให้ถึงที่สุด

สำหรับความคืบหน้าทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 112,500 ล้านบาท ล่าสุดได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เจ้าหน้าที่ อคส. 3 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. และนักบริหาร 8 อีก 2 คน เพื่อลงโทษทางวินัยสูงสุด คือให้ออก หรือไล่ออก ให้แล้วเสร็จใน 30 วัน และได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อ เท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพื่อพิจารณามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ อคส.ให้เสร็จใน 60 วัน เพื่อให้ทั้ง 3 รายชดใช้ให้ อคส.

“ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่นอกเหนือจากคน อคส.ทั้ง 3 ราย ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน หรือ คนอื่นๆ ต้องรอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดก่อน จึงจะรู้ว่าใครมีความผิด และถูกดำเนินคดีอาญา ส่วนคดีแพ่ง อคส.จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากทุกคนที่เกี่ยวข้อง และจะฟ้องร้องทุกคดีกับทุกคน”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ