นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หากโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” ที่เสนอของบจากวงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 5,000 ล้านบาท ยังไม่เข้าสู่การประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะบุกไปทวงถามกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะผู้พิจารณาการใช้เงินกู้ ว่ายังติดขัดเรื่องเงื่อนไขใดอีก เพราะการพิจารณาโครงการเลื่อนมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็เข้าใจได้ว่าในขณะนั้นมีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่มาจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่นำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.อีก ทั้งที่การดำเนินโครงการนี้ ต้องมีช่วงเวลาการเตรียมตัววางระบบ
“ผมมองว่าวิธีการจ่ายเงินสนับสนุนค่าแพ็กเกจทัวร์จากรัฐ ควรยิงตรงเข้าที่บริษัททัวร์เลย เพราะบริหารจัดการได้ง่ายกว่า คาดมีบริษัททัวร์เข้าร่วมขายผ่านโครงการนี้รวม 3,000 บริษัท ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มสูงวัยเป้าหมายมีจำนวนมากถึง 1 ล้านคน อาจมีความยุ่งยากในการบริหารจัดการหากเกิดปัญหา แต่ สศช.กลับเห็นต่างกันที่มองว่าควรยิงเงินตรงเข้ากระเป๋าชาวบ้าน”
สำหรับโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ต้องการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ และช่วยกระจายรายได้ไปยังบริษัทนำเที่ยว ที่เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 จะใช้งบ 5,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มสูงวัย อายุ 55-75 ปี จำนวน 1 ล้านคน วางเงื่อนไขให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมาย ว่าต้องมีการเดินทาง 2 คน ขึ้นไป ในวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี พร้อมใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยว เดินทาง 3 วัน 2 คืนขึ้นไป โดยรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000บาทต่อคน และกระทรวงการท่องเที่ยวฯต้องการให้เริ่มโครงการในเดือน มี.ค.นี้.