น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ว่า บอร์ดบีโอไอได้รับทราบภาพรวมการส่งเสริมการลงทุนในปี 2563 มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1,717 โครงการ เพิ่มขึ้น 13% มูลค่าลงทุน 481,150 ล้านบาท ลดลง 30% จากปี 2562 ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุน 691,390 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 มีการขอบีโอไอรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน วงเงิน 190,000 ล้านบาท ถ้าหักในส่วนนี้ออกจะติดลบเพียง 7% สำหรับปีนี้จะไม่ตั้งเป้าหมาย เนื่องจากโควิดยังไม่มีความแน่นอนสูง เช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมาไม่ได้ตั้งเป้าหมายเช่นกัน แต่จะไม่ให้น้อยกว่าปี 2563 หรือราว 400,000-500,000 ล้านบาท
“อุตสาหกรรมที่เติบโตเพิ่มมากในปี 2563 ได้แก่กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีมูลค่าส่งเสริมการลงทุนถึง 50,300 ล้านบาท และการขอบีโอไอจากอุตสาหกรรมทางการแพทย์ มีการลงทุน 83 โครงการ เพิ่มขึ้นถึง 177% จากปี 2562 เป็นมูลค่า 22,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165% จากการลงทุนหน้ากากอนามัยและถุงมือยางทางการแพทย์”
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม เป้าหมายซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีมูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 230,740 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของมูลค่าการขอรับการส่งเสริม โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าลงทุน 50,300 ล้านบาท ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม 907 โครงการ มูลค่า 213,162 ล้านบาท โดยประเทศญี่ปุ่นยื่นขอรับการส่งเสริมมากที่สุด 211 โครงการ มูลค่าลงทุน 75,946 ล้านบาท ตามด้วยประเทศจีน ลงทุน 31,465 ล้านบาท โดยจุดแข็งของไทยเมื่อเทียบกับในเอเชียคือจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมสนับสนุน วัตถุดิบและชิ้นส่วน ส่วนการขอบีโอไอในพื้นที่อีอีซีมีจำนวน 453 โครงการ ลงทุน 208,720 ล้านบาท.