On The Rise : เจาะแนวคิด เมฆ MyCloudFulfillment อย่าติดกับดักกับคำว่า "รู้งี้"

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

On The Rise : เจาะแนวคิด เมฆ MyCloudFulfillment อย่าติดกับดักกับคำว่า "รู้งี้"

Date Time: 30 ม.ค. 2564 09:15 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • อย่างคุณเลี้ยงเสียข้าวสุก มันหมายความว่า มันต่ำกว่าหมา หมาให้กินข้าวมันยังเฝ้าบ้านได้ อันนี้เลี้ยงไปทำไม

Latest


ปัญหาส่วนใหญ่ของการทำธุรกิจออนไลน์ และ E-Commerce คือการจัดสต๊อก บางคนเข้าเนื้อ บางคนขาดทุน เพราะเรื่องสต๊อก ซึ่งพวกเราในฐานะคนช็อปออนไลน์ เราถือเป็นปลายทาง คือ คนซื้อ และคนรับของ แต่ระหว่างการเดินของสิ่งของ หรือสินค้า นั้นทำอย่างไร มิ้นท์ อรชพร ชลาดล พิธีกรรายการ On The Rise ไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปรู้จัก Fulfillment ตัวเชื่อมระหว่างสินค้า และผู้ซื้อสินค้าแบบเรา

เมฆ นิธิ สัจจทิพวรรณ กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ จำกัด ซึ่งเป็น Tech Startup ด้าน Warehouse & Logistics เล่าว่า ปี 2013 ผมขายจิวเวลรี่แบบออนไลน์ ช่วงนั้นก็ขายดีมาก มาถึงจุดหนึ่งเราก็ค่อนข้างติด เพราะเริ่มมีออเดอร์เยอะ เราเริ่มจัดการไม่ทัน เหมือนเราขาดระบบจัดการที่ดี รวมถึงขาดขนส่ง หรือคนช่วยงานด้านคลังที่ดี

อย่างที่สองคือ จริงๆ ธุรกิจที่บ้านทำเรื่องคลังสินค้าอยู่แล้ว พ่อเรามีคลังอยู่ และมีรายได้อยู่ประมาณหนึ่ง แต่จุดจุดหนึ่งเนี่ย เหมือนรายได้หายไปเกือบครึ่ง เพราะว่าคลังมันเยอะ มันล้นตลาด แล้วมันก็ตัดราคากันตอนนั้นเรามาทำเนี่ย เราก็เริ่มคิดว่า ทำอย่างไรให้เราช่วยเขาขายคลังได้หมด อย่างนั้นเราไปขายคนตัวเล็กๆ ไหม จุดสำคัญ เราก็ได้อย่างแรกคือ เราเคยขายออนไลน์ไว้แล้ว อย่างสองคือ เรามีคลังว่างพอดี เรามารวมกันดีกว่า เราก็เลยลองดูว่า เราจะสามารถทำคลังแบบนี้ มาช่วยแพ็กของส่งของให้คนรายย่อยได้หรือเปล่า ก็เลยได้ลองทำไอเดียนี้

เมฆ คุณมันเลี้ยงเสียข้าวสุก

เมื่อ มิ้นท์ ถามถึงชีวิตวัยเด็ก เมฆ ตอบว่า หากย้อนกลับไปวัยเด็ก แล้วเป็นคนอยากทำธุรกิจ คือใฝ่ฝันมาทางนี้ อยากเป็นนักธุรกิจ ไม่เลยๆ ตั้งแต่เด็กคือแบบ โห สมมติแบบ ปีหนึ่งก็เที่ยว ปีสองก็เที่ยว ปีสามก็เที่ยว เที่ยวๆ ไม่เรียนหนังสือ โดดเรียนเลย เล่นเกม ติดเกม จริงๆ ผมว่ามันมีจุดเปลี่ยนหลักๆ จุดหนึ่งคือตอนเราอยู่ปีสี่ พ่อก็จะมีพาร์ตเนอร์ของต่างชาติ แล้วมีจุดหนึ่งที่เขาเคยพูดกับเราว่า อย่างคุณเลี้ยงเสียข้าวสุก ซึ่งผมฟังแล้วเจ็บปวด

"เพราะว่า คือมันหมายความว่า มันต่ำกว่าหมา หมาให้กินข้าวมันยังเฝ้าบ้านได้ อันนี้เลี้ยงไปทำไม โห เราโกรธมาก วันนั้นเรากำมือแน่น วิ่งเข้าห้องน้ำ อยากต่อย แต่ว่าสุดท้ายเราก็ต่อยพื้น ต่อยตัวเอง เพราะว่า เออ เขาพูดถูก มันเถียงเขาไม่ออก ไม่รู้จะเถียงเขายังไง มันก็ใช่ และวันนั้นเราจำได้ เรานั่งเครื่องบินกลับมา เราคิดอย่างเดียวเลยว่าทำอะไรบ้าง เรากลับมาปุ๊บ เราโทรหาเพื่อน เรานั่งไล่ดูตั้งแต่ตอนกลางคืนจนถึงเช้า เรานั่งดู Top 300 บริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกา และนั่งไล่ดูแต่ละอันว่าอันไหนทำได้บ้าง แล้วมาเจอจิวเวลรี่นี่แหละครับ แล้วเลยทำจิวเวลรี่"

เมฆ บอกอีกว่า "หากเปรียบเหมือนเกม ก็คล้ายกับบอสตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ที่บางครั้งเราก็ต้องเอาชนะเขาเหมือนกัน"

การที่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ และมีต้นทุน ก็ต้องยอมรับว่า โอกาสสำเร็จเยอะกว่า อันนี้เรามีพนักงานอยู่แล้ว มีคลังอยู่แล้ว มันก็เลยสำเร็จอันนี้ได้ ฉะนั้นแล้วผมว่า คนเรานอกจากโอกาสที่มีอะไร ต้องดูว่าเรามีอะไรด้วย แต่ถามว่ามันเป็นจุดตัดเลยไหม ว่าคนที่ไม่มีทำไม่ได้ ไม่ใช่ เพราะว่าหลายคนที่เขาไม่มี เขาก็จะมีอย่างอื่นอยู่ดี แล้วผมว่าทุกๆ คนจะมีช่องทางอยู่ แต่ต้องกลับมามองตัวเองว่าสุดท้ายแล้วฉันมีอะไร

Warehouse ไม่ควรเป็นที่เก็บของ

เมฆ บอกว่า จริงๆ แล้ว Warehouse ไม่ควรเป็นที่เก็บของ แต่ Warehouse ควรเป็นที่ทำให้คนขายของดีขึ้น คลังสินค้าในตอนนี้ ความคาดหวังของคนคือ คลังที่ดีต้องเป็นคลังที่ไม่มีของเลย คลังที่โล่ง คือ คลังที่ทำงานได้ดี เพราะว่าของออกหมด เพราะเข้ามาปุ๊บ ออกปั๊บ ที่โล่งๆ เนี่ยหมายความว่า เราไม่ได้ไม่มีของ แต่กำลังรอของเข้ามาอยู่ พอเข้ามาปุ๊บก็เตรียมตัว ออกเป็นออเดอร์ แล้วแพ็กออกส่งไปเลย

โกดังเก็บสินค้านั่นคือสิ่งที่พ่อผมทำมาตลอดที่ผ่านมา มันคือเอาของที่สร้างไว้ ซื้อมาเยอะๆ ซื้อมาก่อนเยอะๆ มาตุนไว้ แล้วค่อยๆ ขาย ฉะนั้นการซื้อมาเยอะๆ เพื่อให้ได้ราคาถูกเนี่ย เป็นสิ่งที่คนทำเป็นหลักในสมัยก่อน สมัยนี้คือซื้อพอดี ขายพอดี ขายให้เร็ว ซื้อมาร้อย ขายได้ร้อย ออกหมด แล้วซื้อเติมเรื่อยๆ

สำหรับธุรกิจ MyCloudFulfillment หลักๆ จะมีอยู่ 3 เรื่อง เรื่องที่หนึ่งก็คือว่า เราช่วยดูเรื่องออเดอร์ ออเดอร์ตรงไหน ขายที่ไหนดี เราก็จะสามารถให้เขาเห็นได้ว่า เขาควรขายรูปแบบไหน ที่ช่องทางไหน เป็นการช่วยให้เขาคิดวิธีการขายได้ดีขึ้นนะครับ

อย่างที่สองก็คือ Inventory Optimization หรือการควบคุมสินค้าคงคลัง ก็คือว่า ทำอย่างไรให้เก็บของได้แบบพอดีๆ อย่างที่พูด ตัวไหนควรเก็บให้น้อยกว่านี้ ตัวไหนควรเก็บให้เยอะกว่านี้ ฉะนั้นแล้วคือ การขายของ การเติมของเนี่ย มันจะทำให้เขาสามารถใช้เงินทุนได้พอดี พอเหมาะกับของที่ควรจะลงทุนแล้ว

อย่างที่สาม คือเรื่องของกำไรขาดทุน เรื่องของประสิทธิภาพของการทำงาน ฉะนั้นสินค้าแต่ละออเดอร์เนี่ย มันมีค่าการทำงานไม่เหมือนกัน ค่าขนส่งไม่เท่ากัน ทำอย่างไรให้แต่ละออร์เดอร์ที่ออกไป ได้กำไรที่พอเหมาะ เช่น เอาตัวนี้จับผสมตัวนี้ไหม หรือว่าเอาตัวนี้ทำโปรโมชั่นตัวนั้นไหม หรือว่าตัวนี้หนักเกินไปไม่ควรขายออนไลน์ เลิกขายนะครับ คิดภาพคือ เราเป็นทีมขนส่งสินค้า คิดซะว่าเราเป็นทีมนั้นในบริษัทเขาเลย

"เราอยากให้เจ้าของร้านทำสิ่งที่ถนัดที่สุด ออกแบบ ขายของ ดูแลลูกค้าอย่างนี้ นั่นคือสิ่งที่ควรทำ สต๊อกของ บัญชี ฉะนั้นแล้ว ถ้าเกิดเราทำอย่างนั้นได้เราก็จะช่วยให้คนที่เขามีความคิดสร้างสรรค์ หรือความสามารถในการขาย สามารถเติบโตขึ้นไปอีกได้"

Fulfillment ก็มีคู่แข่ง

ตอนนี้ ธุรกิจ Fulfillment มีเยอะเลย ซึ่งไม่เป็นไรเลย มีคนทำคลังเท่าไรก็ไม่พอกับคนขายของอยู่ดี เราแค่ดูแลลูกค้าที่เรามีอยู่ให้ดีที่สุด แล้วให้เขาได้ขายดีขึ้นจริงๆ ดีกว่า มากกว่าไปแย่งลูกค้าเยอะๆ มาให้อยู่กับเราที่เดียว ซึ่งธุรกิจ MyCloudFulfillment ของเราค่อนข้างยืดหยุ่น ตามความต้องการของลูกค้ามากๆ สอง คือเรื่องของระบบที่เชื่อมต่อได้ค่อนข้างกว้าง Lazada, Shopee, โซเชียลมีเดีย รวมถึงการเชื่อมต่อกับช่องทางออฟไลน์ด้วย ฉะนั้นแล้ว เราต้องการให้ลูกค้าเก็บของกับเราที่เดียวจบ เก็บของที่เดียวเนี่ย ขายได้หลายช่องทาง

รู้งี้ คือ คำที่กลัวที่สุดในชีวิต

ผมว่ามันจะมีคำว่า สิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิต คือคำว่า รู้งี้ อันนี้คือกลัวที่สุดแล้ว เสียใจได้ แต่เสียดายไม่ได้ อันนี้คือสิ่งที่สำคัญนะ เราไม่อยากเสียดายวันหนึ่ง เราไม่เคยขายจิวเวลรี่ ไม่เคยขายออนไลน์ เราอยากขายออนไลน์ เราไม่อยากเสียดายว่าเราไม่เคยทำสตาร์ทอัพ เราไม่อยากเสียดายว่าเราไม่เคยทำเรื่องคลังสินค้า เราไม่อยากเสียดายว่าเราไม่ช่วยพ่อ ก่อนพ่อเราไม่อยู่แล้ว มันต้องไปข้างหน้า

ความตั้งใจวิ่งไปข้างหน้าเนี่ย คือ สิ่งที่สำคัญ แต่หลายคนจะกลัวเพราะ เฮ้ย ทำไมวิ่งไปข้างหน้าล่ะ ต้องมีความชัดเจนก่อนนะ ทางข้างหน้าต้องสว่างก่อนนะ ไม่งั้นมันเหมือนไปตายเอาดาบหน้า สุดท้ายมันก็ต้องวิ่งครับ ล้มก็ต้องลุก แล้วก็วิ่งต่อ นั่นเป็นหน้าที่ของคน

การวิ่งไปข้างหน้า มันล้มอยู่แล้ว คือ คนเหมือนชีวิต ทั้งชีวิตนอนบนเตียงมาตลอด ลุกขึ้นมาครั้งแรก เหยียบพื้นครั้งแรก มันร่วงอยู่แล้วมันล้มอยู่แล้ว อย่ากลัวล้มนะ กลัวล้มก็จะไม่โตสักที ฉะนั้นแล้ว ล้ม ล้มแล้วเรียนรู้ เรียนรู้แล้วลุกขึ้นใหม่ ถ้าเราไม่ลุก สุดท้ายแล้วเราจะถูกบังคับให้ลุกเองนะ เพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมากนะ เตียงที่คุณนอนอยู่มันจะหายไป มันจะร่วงไปนะ

"ทุกวันนี้โลกมันไปข้างหน้าแล้ว การขายของมันเปลี่ยนไปแล้ว การเงินมันเปลี่ยนไปแล้ว คือทุกๆ อย่างมันกำลังถูกเปลี่ยนไป ด้วยอัตราที่เร็วกว่าเดิมเยอะขึ้น นี่คือเรื่องของ Disruption ฉะนั้นแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ลุกวันนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ลองวิ่งไปข้างหน้าวันนี้ เพราะว่าถ้าคุณไม่ทำวันนี้ สุดท้ายแล้วคุณถูกบังคับให้ทำในวันหลัง คุณก็ตายอยู่"


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์