"เคนยากุ" รุกโออีเอ็มเวชภัณฑ์และตลาดเสริมอาหาร

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"เคนยากุ" รุกโออีเอ็มเวชภัณฑ์และตลาดเสริมอาหาร

Date Time: 30 ม.ค. 2564 05:01 น.

Summary

  • สำหรับธุรกิจอาหารเสริมในประเทศไทย เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มองกันว่ามีอนาคตที่เติบโตอีกมาก โดยในปีที่ผ่านมายังมีการขยายตัวในระดับ 10-20% กับตลาดมูลค่า 20,000-30,000 ล้านบาท

Latest

เปิดพิกัด “ลอยกระทง 2567” ห้างไหน จัดงานบ้าง

ความท้าทายของธุรกิจในปี 2564 ในยุคของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 กับผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

สำหรับธุรกิจอาหารเสริมในประเทศไทย เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มองกันว่ามีอนาคตที่เติบโตอีกมาก โดยในปีที่ผ่านมายังมีการขยายตัวในระดับ 10-20% กับตลาดมูลค่า 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับว่าเติบโตน้อยมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆมาจากการแพร่ระบาด

ตลาดอาหารเสริมซึ่งจริงๆแล้วต้องเรียกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาจากผลิตภัณฑ์ที่ทานเสริมนอกเหนือจากอาหารหลักที่ทานตามปกติในแต่ละมื้อ มักเป็นสารสกัดที่มาจากพืช ส่วนประกอบของสัตว์ต่างๆ หรือเอนไซม์สังเคราะห์ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้

ย้อนหลังไปสัก 5 ปีหลังตลาดยังไม่บูมนัก แต่ในระยะหลังเติบโตสูงมากมาต่อเนื่อง ซึ่งมองให้เห็นว่าคนไทยนิยมรับประทานกันมากขึ้น จนทำให้ทางภาครัฐต้องออกมาเฝ้าระวังให้ความสำคัญเพราะบางชนิดอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ดังที่เป็นข่าวดังในปัจจุบันนี้ก็คือการโฆษณาเกินจริงนั่นเอง

ขณะที่ผู้ประกอบการเห็นโอกาสของธุรกิจได้กระโดดเข้าสู่ตลาดเสริมอาหารกันจำนวนมาก โดยบริษัท เคนยากุ (ประเทศไทย) เป็นรายหนึ่งที่กระโดดลงมาในตลาดอย่างเต็มตัว

เรามาดูว่าบริษัทนี้มีโปรไฟล์ขนาดไหน ทางผู้บริหาร “ภูรพัฒน์ หาญไกรพงศ์” กรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2 กล่าวว่า จุดกำเนิดของบริษัท เคนยากุ (ประเทศไทย) จำกัด ต้องย้อนไปกว่า 4 ทศวรรษที่แล้ว ระหว่างทุนไทย-ญี่ปุ่น เพื่อต้องการให้คนไทยสามารถเข้าถึงการบริโภคยาที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากล รวมทั้งการวิจัยนวัตกรรมผลิตยาแผนปัจจุบันและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ล่าสุดบริษัทคว้ารางวัลยอดเยี่ยม การวิจัยและพัฒนายอดเยี่ยมแห่งปีในงาน Thailand Top SME Awards 2020

สิ่งที่ทำให้บริษัท เคนยากุ (ประเทศไทย) จำกัด ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง จากที่เป็นบริษัทรับจ้างผลิตที่เรียกว่า OEM ในกลุ่มยาแผนปัจจุบัน ต่อมาบริษัทได้ขยายโรงงานผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม OEM โดยคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ เพื่อดำเนินการผลิตอาหารเสริมบำรุงร่างกายแบบองค์รวม (Total Health) นอกจากนี้ยังผลิตอาหารเสริมในกลุ่มบำรุงสมอง บำรุงผิว บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดน้ำหนัก บำรุงข้อกระดูก และสูตรอื่นๆ ตามเทรนด์ของตลาดโลก ให้กับผู้สนใจที่จะสร้างแบรนด์เป็นของตนเอง

“ภูรพัฒน์” กล่าวว่า จุดพลิกของบริษัทที่สำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวเร็วได้มากขึ้นเป็นช่วงจังหวะพอดีของการปรับเปลี่ยนเข็มทิศขององค์กร กับเป้าหมายต้องการต่อยอดธุรกิจของครอบครัวให้ก้าวไกลกว่ารุ่นบุกเบิก

การเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าในกลุ่มนี้ ถือเป็นการเพิ่ม Value แก่บริษัท อีกทั้งสามารถสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า ซึ่งต้องย้ำว่า “เคนยากุ” เป็นผู้ผลิตยาสามัญใหม่รายแรกๆในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มยาจิตเวช ที่ช่วยรักษาอาการทางจิต โรคเครียด และ “เคนยากุ” สามารถผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รูปแบบเม็ด แคปซูล และผงชงดื่ม ด้วยเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีและกำลังการผลิตสูง พร้อมทั้งตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน ด้วยเครื่องมือตรวจวิเคราะห์ที่ทันสมัย ควบคุมด้วยมาตรฐานสากล GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, ISO 9001, HACCP และ HALAL เป็นโรงงานเดียวในประเทศไทย ใช้มาตรฐานการผลิตเดียวกับโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบัน

“ผมต้องการนำองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการวิจัยสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและการบริการที่ลูกค้าได้รับ” ภูรพัฒน์กล่าว

จากวิชั่นดังกล่าว บริษัทจึงให้ความสำคัญการคิดค้นผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างไม่หยุดนิ่ง พร้อมคัดสรรวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงร่างกาย บำรุงสมอง บำรุงผิว บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดน้ำหนัก บำรุงข้อกระดูก และสูตรอื่นๆตามเทรนด์ของตลาด อีกทั้งยังเข้าสนับสนุนคู่ค้าจัดกิจกรรมการตลาด ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ตลอดจนวางกิจกรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คู่ค้าและลูกค้าสามารถขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น

จุดนี้ถือเป็นไฮไลต์สำคัญซึ่งมีความแตกต่างระหว่างแบรนด์ผู้ผลิตยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไปในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่แค่รับจ้างผลิตเท่านั้น แต่ “เคนยากุ” จัดสรรทีมงานการตลาดลงพื้นที่คู่กับคู่ค้าเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์คุณภาพดี มีมาตรฐานสูง ในราคาที่เหมาะสม

“หัวใจความสำเร็จของธุรกิจอยู่ที่ลูกค้าว่าจะซื้อสินค้าหรือบริการของเราไปนานแค่ไหน สำหรับเคนยากุเรามองลูกค้าเป็นพาร์ตเนอร์ อย่างเรื่องที่เราลงพื้นที่กับลูกค้าของเรา เสมือนเราทำ CRM (customer relationship management) มีการเก็บข้อมูลการซื้อของลูกค้าว่าเป็นอย่างไร สามารถนำข้อมูลมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ความต้องการในอนาคตได้

อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยสร้างฐานลูกค้าประจำขึ้นมาในระยะยาว ซึ่งการมีฐานลูกค้าประจำ จะนำไปสู่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต นั่นก็หมายถึงว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้อย่างยาวนาน!!!

 วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ