นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง แจ้งว่า กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานการเข้ารหัสของรัฐ และสำนักงานศุลกากรกลางของจีน ได้ออกประกาศรายการผลิตภัณฑ์เข้ารหัสเชิงพาณิชย์ที่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าและควบคุมการส่งออก เพื่อปกป้องเทคโนโลยีรหัสผ่านเชิงพาณิชย์ในการนำเข้าและส่งออก รวมถึงปกป้องความมั่นคงของชาติและผลประโยชน์ทางสังคมและสาธารณะ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. โดยได้กำหนดประเภทของผลิตภัณฑ์เข้ารหัสที่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าและส่งออก โดยสินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตนำเข้า เช่น โทรศัพท์ที่เข้ารหัส เครื่องแฟกซ์ที่เข้ารหัส และสินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตส่งออก เช่น ชิปความปลอดภัย เครื่องเข้ารหัส (Chiper Machine) บัตรเข้ารหัส (Chiper Card)
สาเหตุที่ต้องกำหนดให้ผลิตภัณฑ์เข้ารหัสเชิงพาณิชย์ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าและส่งออก เพราะเข้าข่ายเป็นสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ที่สามารถนำไปใช้ผลิตเป็นสินค้าทั่วไป หรือเป็นส่วนประกอบทำอาวุธ หรือสินค้าที่เป็นอันตราย แต่สำหรับสินค้าที่ซื้อขายทั่วไปอย่างแพร่หลายไม่อยู่ภายใต้การควบคุมดังกล่าว เนื่องจากประชาชนสามารถ ซื้อผ่านช่องทางค้าปลีกทั่วไปสำหรับการใช้งานส่วนตัว ที่มีความเสี่ยงเล็กน้อยต่อความมั่นคงของประเทศ จึงขอให้ผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออก นำเข้าสินค้าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด หรือศึกษารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://globaltimes.cn/content/1208804.shtml
“ในประกาศได้กำหนดบทลงโทษ อาทิ กรณีที่ส่งออกหรือนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจมีการเรียกเก็บค่าปรับสูงถึง 5 ล้านหยวน (758,000 เหรียญสหรัฐฯ) หรือ 10 เท่าของมูลค่าการซื้อขาย พร้อมระงับการดำเนินธุรกิจและการเพิกถอนคุณสมบัติของธุรกิจส่งออก, กรณีที่ได้รับใบอนุญาตส่งออกหรือนำเข้าโดยมิชอบ จะถูกเพิกถอนใบอนุญาต ยึดรายได้ที่ผิดกฎหมาย หากมูลค่าการซื้อขายที่ผิดกฎหมายน้อยกว่า 200,000 หยวน (30,300 เหรียญสหรัฐฯ) ปรับตั้งแต่ 200,000 ถึง 2 ล้านหยวน (303,030 เหรียญสหรัฐฯ)”