นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิด เผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า บริษัท Hartalega Holdings Bhd จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยางไนไตร (ยางสังเคราะห์) รายใหญ่ของโลกจากมาเลเซีย อยู่ระหว่างการขยายสายการผลิตเพิ่มอีก 4 สายในโรงงานแห่งที่ 6 และ 7 จากปัจจุบันมีอยู่ 82 สาย กำลังการผลิต 32,000 ล้านชิ้นต่อปี เมื่อก่อสร้าง แล้วเสร็จจะทำให้มีสายการผลิตมากถึง 86 สาย มีกำลังการผลิตสูงถึง 76,000 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อตอบสนองกับความต้องการใช้ที่มีมากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และรองรับวิถีชีวิตใหม่ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้น
“เรื่องนี้เป็นความท้าทายของผู้ผลิตถุงมือยางธรรมชาติ และการนำเข้า น้ำยางข้นจากไทยไปใช้ผลิตถุงมือยางในมาเลเซีย แม้ว่าถุงมือไนไตรยังไม่สามารถแทนที่ถุงมือยางธรรมชาติได้ทั้งหมด เพราะถุงมือยางธรรมชาติ มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับถุงมือทางการแพทย์ ที่ต้องการการควบคุมมือและการรับรู้สัมผัสอย่างละเอียดอ่อน แต่ด้วยต้นทุนการผลิตของถุงมือยางไนไตรลดลงต่อเนื่อง และใกล้เคียงกับถุงมือยางธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ถุงมือยางเปลี่ยนมาใช้ถุงมือไนไตรมากขึ้น ประกอบกับการแพ้โปรตีนในถุงมือยางธรรมชาติ ทำให้ถุงมือยางไนไตรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ มาเลเซียนำเข้าน้ำยางข้นจากไทยปีละ 180,000 ตัน แต่มีแนวโน้ม ลดลงในระยะยาว เพราะมีความต้องการถุงมือยางไนไตรที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งมาเลเซียเป็นผู้ส่งออกถุงมือยางอันดับ 1 ของโลก และมี 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ โดยบริษัท Hartalega เป็น 1 ใน 2 รายดังกล่าว ซึ่งผู้ส่งออกน้ำยางข้นของไทยจะต้องรักษาส่วนแบ่งตลาดส่งออกในมาเลเซีย โดยต้องมุ่งลดต้นทุนการผลิต ส่วนผู้ส่งออกถุงมือยางควรวิจัยและพัฒนาการผลิต โดยเฉพาะผลิตถุงมือยางที่ไม่มีแป้งและมีโปรตีนต่ำ.