นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ไลน์ (LINE) ประเทศไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจของไลน์เติบโตอย่างมากในทุกบริการ รวมทั้งการดาวน์โหลดสติกเกอร์ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยของปีที่ผ่านๆมา ทำให้จำนวนนักออกแบบสติกเกอร์หรือครีเอเตอร์ มีมากถึง 646,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 34% โดยหลายคนยึดเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองอย่างสบาย โดยครีเอเตอร์ที่อายุมากที่สุดอยู่ที่ 68 ปี และน้อยที่สุดศึกษาระดับอุดมศึกษาปีที่ 3 (นับจากครีเอเตอร์ที่ทำยอดขายสติกเกอร์ได้ในระดับที่เงื่อนไขกำหนด) “สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ทำให้เราเล็งเห็นว่าบริการของไลน์เป็นบริการที่เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง และมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก นับจากนี้จึงจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคหรือ B2C (Business to Customer) ให้มากขึ้น สร้างการเติบโตและรายได้ใหม่ๆ นอกเหนือจากการรุกเข้าสู่ธุรกิจบริหารสิทธิ์ (License Management) ทำงานร่วมกับเหล่าครีเอเตอร์”
ทั้งนี้ ตลาดคาแรกเตอร์ในไทยยังเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นและไต้หวัน ในฐานะ 3 ประเทศที่สติกเกอร์ได้รับความนิยมสูง โดยไลน์มีเป้าหมายที่จะช่วยครีเอเตอร์ไทยทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ บริหารลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์เพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้าต่างๆ หลังพบว่าลายเส้นและการออกแบบของครีเอเตอร์ไทยเริ่มก้าวสู่ระดับสากล ดูได้จากความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบัน จากฐานลูกค้าของไลน์ราว 46 ล้านคน มีครึ่งหนึ่งที่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสติกเกอร์ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งใช้สติกเกอร์ฟรีหรือไม่ใช้ ทางทีมไลน์จึงกำลังศึกษาว่าจะเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มที่ยังไม่ซื้อสติกเกอร์ได้อย่างไร หนึ่งในแนวทางคือการเปิดตัวสติกเกอร์ในระดับราคาเอื้อมถึงกว่าที่เคย แต่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าราคาใช่ปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ยอมควักเงินหรือไม่ โดยปัจจุบันสติกเกอร์ไลน์มีราคาอยู่ที่ชุดละ 30-150 บาท
ไลน์ยังเปิดสถิติเกี่ยวกับผู้ใช้งานสติกเกอร์ไลน์ในไทยว่า ผู้หญิงกินสัดส่วนกว่า 70% จากช่วงเริ่มต้นบริการราว 8 ปีที่แล้ว ผู้หญิงมีสัดส่วน 60% การที่สัดส่วนผู้ใช้เพศหญิงเพิ่มขึ้น เป็นเพราะนักออกแบบพุ่งเป้าเจาะลูกค้าผู้หญิงส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางไลน์กำลังทำงานร่วมกับครีเอเตอร์ เพื่อออกแบบสติกเกอร์ให้โดนใจผู้ชายมากขึ้น โดยหวังว่าสัดส่วนลูกค้าผู้ชายจะขยับขึ้นมาแตะ 40% จากปัจจุบัน 30% ได้
ส่วนเทรนด์ความนิยมสติกเกอร์นั้น ส่วนใหญ่ยืนระยะได้ราว 3 เดือน เป็นสินค้าที่อิงกับกระแสอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามระยะหลังความชอบของผู้บริโภคไทยเริ่มเปลี่ยนไป จากชอบสติกเกอร์เรียบร้อย เริ่มเปลี่ยนเป็นชอบสติกเกอร์เสียดสี กวนๆ โดยเทรนด์ในขณะนี้คือแนวน้อยๆแบบ Minimal เท่แบบ Hipster สีสดใส ชัดเจน.