รออะไร...จัดกระเป๋าไปเที่ยวดีกว่า

หลังสถานการณ์วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ภาครัฐมีการคลายล็อกดาวน์ให้กิจการกิจกรรม เริ่มกลับมาเปิดให้บริการได้

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ผู้คนมีการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

พอมาถึงจุดที่สถานการณ์โควิด–19 คลี่คลายลง ก็ไม่พลาดที่จะขอออกจากบ้านเดินทางท่องเที่ยว ชาร์จพลังชีวิตให้ตนเอง บวกกับนิสัยคนไทยรักในความสนุก ชอบท่องเที่ยวสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งพอคลายล็อกให้เที่ยวได้ ก็ไม่รอช้าที่จะไปเที่ยว

เกริ่นด้วยเรื่องท่องเที่ยวมาขนาดนี้ Business On My Way ก็ขอพาท่านผู้อ่านไปรับทราบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวกันดีกว่า กับ “อโกด้า” แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว

ทั้งนี้จากผลสำรวจผ่านแคมเปญ GoLocal ที่อโกด้าได้จัดทำขึ้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของหลายประเทศทั่วโลกพบว่า นักท่องเที่ยวไทย (78%) อินโดนีเซีย (76%) และสหรัฐอเมริกา (74%) เป็น 3 ชาติแรกที่อยากออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุดโดย 3 จุดหมายปลายทางยอดนิยมแรกของนักท่องเที่ยวไทย คือจังหวัดเชียงใหม่, ภูเก็ต และหัวหิน ตามลำดับอีกทั้งผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยว มีความพร้อมและอยากออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง นักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม (87%) อินโดนีเซีย (78%) และไต้หวัน (59%) เป็น 3 ชาติแรกที่อยากออกเดินทางมากที่สุด โดยรวมแล้ว ภายในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ 65% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด อยากเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนอีก 35% อยากไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ

สำหรับระยะเวลาการเดินทาง ในการท่องเที่ยวยุคใหม่นิวนอร์มอล นักเดินทางไทย 41% สะดวกเดินทางในระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วโลก (46%) ตามมาด้วย 36% ที่เลือกเดินทาง 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดของโลก

ในส่วนของวิธีเดินทาง นักท่องเที่ยวชาวไทย 50% เลือกการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสาร และ 41% เลือกขับรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเกือบสองเท่า (28%)

ทั้งนี้ในส่วนระดับนานาชาติ นักท่องเที่ยวทั่วโลกมากกว่า 1 ใน 4 รู้สึกสะดวกใจที่จะเดินทางในระยะเวลา 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า โดยตัวเลขนี้รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวอเมริกา 14% และไต้หวัน 15% โดยนักท่องเที่ยวจาก 2 ชาตินี้ยังอยู่ในอันดับ 1 และ 3 ของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พอใจจะเดินทางไม่เกิน 5-8 ชั่วโมง (อเมริกา 25%, ซาอุดีอาระเบีย 22% และไต้หวัน 19%) ส่วนวิธีการเดินทางนั้น นักท่องเที่ยวทั่วโลก 28% เลือกที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และ 57% เลือกที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน

สำหรับผลสำรวจการท่องเที่ยวในประเทศของไทย ยังพบว่าแม้อยู่ในช่วงล็อกดาวน์ เรื่องความสงบและผ่อนคลาย, อาหารและเครื่องดื่ม และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง คือสิ่งที่นักท่องเที่ยวคนไทยมองหามากที่สุดเมื่อออกเดินทาง ซึ่งนักท่องเที่ยว 37% สนใจไปเที่ยวทะเล และ 30% สนใจไปเที่ยวป่าเขา และ 16% สนใจไปเที่ยวเมืองใหญ่ สำหรับประเทศไทย ชายหาดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่ง ที่ 38% ตามด้วยการท่องเที่ยวธรรมชาติ 36%

รวมถึงพบว่า นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ (34%) ไทยและไต้หวัน (30%) เป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปท่องเที่ยวแบบสงบและผ่อนคลายมากที่สุด ขณะที่นักท่องเที่ยวไม่ถึง 1 ใน 10 อยากไปเที่ยวเพื่อช็อปปิ้ง ตรงข้ามกับ 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ยังคงอยากพักผ่อนหย่อนใจด้วยการช็อปปิ้งระหว่างไปเที่ยว

นายเออร์รอล คุก รองประธานฝ่าย Partner Servicesของอโกด้า กล่าวว่า ถึงแม้ผู้คนทั่วโลกจะต้องหยุดเดินทางท่องเที่ยวมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน แต่ความกระหายในการเดินทางนั้นไม่ได้ลดลง อันที่จริงแล้วมันกลับเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้การเดินทางในประเทศเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวอันดับต้นๆของผู้คนในหลายภูมิภาค ซึ่งส่วนมากต้องการออกสำรวจประเทศของตนเอง พักอาศัยในชุมชนท้องถิ่น โดยใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า 4 ชั่วโมง

“เมืองต่างๆจะต้องหาทางดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น เพื่อช่วยเติมเต็มช่องว่างของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ในทางตรงกันข้าม จุดหมายปลายทางที่โด่งดังในระดับภูมิภาคที่ใกล้ชายหาด ธรรมชาติ หรือพื้นที่ชนบท ก็มีโอกาสได้รับประโยชน์จากเทรนด์การท่องเที่ยวนี้ อีกทั้งนักท่องเที่ยวก็มีโอกาสได้ช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบด้วย” นายเออร์รอล กล่าว

ท้ายสุดในเรื่องแนวโน้มการเลือกที่พัก โรงแรมสี่ดาวและโรงแรมห้าดาวเป็นที่พักอันดับ 1 ในใจนักท่องเที่ยวเมื่อจองที่พัก ตามมาด้วยรีสอร์ต ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกที่นักท่องเที่ยวต้องการมากที่สุดขณะนี้คือ ระบบความบันเทิงภายในที่พัก ห้องครัวส่วนตัว และสระว่ายน้ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในการเว้นระยะห่างทางสังคม.