นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยในอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 63-65) ว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ปักธงไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.ความยั่งยืน โดย ก.ล.ต.จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยและการเติบโตแบบความยั่งยืน (ESG) มากขึ้น
2.การเข้าถึง โดยมุ่งหวังให้ประชาชนมีความอยู่ดีมีสุขทางการเงินและมีการออมและการลงทุนระยะยาวที่เพียงพอรองรับการเกษียณอายุ รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ โดยมีเครื่องมือที่หลากหลายให้ภาคธุรกิจเลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.แข่งขันได้และมีความเชื่อมโยง โดยมีแผนจะสร้างกลไกและกติกาที่เป็นธรรมกับผู้ลงทุน โดยจะนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับการประกอบธุรกิจและมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนเพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการลง รวมถึงมีการกำกับดูแลและรักษาความเชื่อมั่น เป็นธรรม และมีความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ โดยอนาคตอาจมีการเสนอแก้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น
4.เชื่อถือได้ โดยจะทำให้ตลาดทุนไทยเกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นตัวชี้วัดหรือตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และสำคัญที่สุดคือการป้องกันความเสี่ยงของระบบ
นางสาวรื่นวดี กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน ไทยมีประเด็นใหญ่ที่กำลังเผชิญหน้า 4 ด้าน คือ 1.กระแส ESG ที่เพิ่มขึ้น 2.การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น 3.พัฒนา การของเทคโนโลยีนวัตกรรม และ 4.ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและภาวะดอกเบี้ยต่ำที่กินเวลายาวนาน เป็นโจทย์ใหญ่ที่ ก.ล.ต.ต้องคิดทบทวนเพื่อทำให้ผู้ระดมทุน และผู้ลงทุนเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้มีการเชื่อมโยงกับตลาดภูมิภาคต่างๆ เพื่อยกระดับการระดมทุนของไทยให้มีคุณภาพมากขึ้นและสามารถระดมทุนได้ในวงกว้างขึ้น.