นายสุรงค์ บูลกุล ประธานบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยหลังลงนามเซ็นสัญญาในโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (ฉบับแก้ไข) ระหว่าง กทพ. กับบริษัท ทางด่วนรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีอีเอ็ม) ที่มีการแก้ไขและผ่าน ครม.อนุมัติมาแล้วว่า การเซ็นสัญญาครั้งนี้จะเป็นการขยายสัญญาสัมปทานรวมเป็น 15 ปี 8 เดือน ซึ่งสัญญาจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.63 ถึง 31 ต.ค.78 และในวันที่ 21 ก.พ.จะเริ่มถอนฟ้องที่มีคดีร่วมกันใน 17 คดี และต้องถอนฟ้องแล้วเสร็จก่อนวันที่ 29 ก.พ.63
ทั้งนี้ การยุติข้อพิพาททุกฝ่ายจะได้ประโยชน์สูงสุด โดยเป็นการยุติข้อพิพาทใน 3 กลุ่มที่มีมูลค่าข้อพิพาทรวม 137,517 ล้านบาท โดยการขยายอายุสัมปทานให้บีอีเอ็ม เป็นเวลา 15 ปี 8 เดือน ซึ่งนับจากวันนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมมือกันดำเนินขั้นตอนการถอนฟ้องในทุกคดีให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 มี.ค.นี้ เนื่องจากสัญญาสัมปทานของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A B C ช่วงแจ้งวัฒนะ-อโศก-บางโคล่ จะหมดอายุลงวันที่ 29 ก.พ. 63 “การลงนามในสัญญาแก้ไขสัญญาสัมปทาน นอกจากจะเป็นการยุติข้อพิพาทแล้ว หลังจากนี้การลงทุนพัฒนาทางด่วนของภาครัฐจะไม่ติดปัญหาเรื่องการแข่งขัน โดยสามารถลงทุนพัฒนาทางด่วนได้ในทุกเส้นทางที่เห็นว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยุติข้อพิพาทด้วยการขยายสัญญาสัมปทานให้บีอีเอ็มนี้มีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. และพนักงานส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย.