เรื่องน่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับนักลงทุนในปีนี้คือ การที่ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้น IPO ครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทยหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่งฯ) และมีผลบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อยในวันที่ 26 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา จึงนับเป็นหน้าประวัติศาสตร์เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จกับผู้นำค้าปลีกไทยที่ประสบความสำเร็จระดับโลก
ความสำเร็จจากความแข็งแกร่งและวิสัยทัศน์ที่แหลมคม
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของธุรกิจครอบครัวจิราธิวัฒน์เมื่อ 72 ปีก่อน ด้วยการริเริ่มและมุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์ช็อปปิ้งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้บริโภค วันนี้ CRC จึงเป็นมากกว่าเทรนด์เซ็ตเตอร์ (Trend Setter) แต่เป็นบริษัทเรือธงด้านการค้าปลีก (Retail Flagship) ของกลุ่มเซ็นทรัล โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา CRC ได้วางโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลใหม่ (New Central New Retail) จนมีความพร้อมถึงขีดสุด ในการต้อนรับนักลงทุนให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อต่อยอดความสำเร็จบนเวทีระดับโลก ซึ่งได้รูปแบบธุรกิจค้าปลีกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ CRC ที่รวบรวมแบรนด์ค้าปลีกชั้นนำหลากหลายประเภท (Multi-category) หลากหลายรูปแบบและช่องทาง (Multi-format) ที่ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ (Multi-market) ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และประเทศอิตาลี CRC เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกผ่านรูปแบบที่หลากหลายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีร้านค้าทั้งหมดประมาณ 1,922 ร้านค้าใน 51 จังหวัดทั่วประเทศไทย ผ่านปัจจัยเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกของไทย ทั้งค่า GDP ต่อหัวที่มีแนวโน้มสูงขึ้น การเจริญเติบโตของรายจ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของเขตเมือง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวของประเทศ (ข้อมูลจาก Euromonitor ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2561) ระบุว่าธุรกิจค้าปลีกของ CRC ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจหลัก อันได้แก่ กลุ่มแฟชั่น กลุ่มฮาร์ดไลน์ และ กลุ่มฟู้ด นอกจากนี้การเติบโตในต่างประเทศ ทั้งในประเทศเวียดนาม และประเทศอิตาลีก็น่าจับตามองอย่างมาก โดย Euromonitor International (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2561) ระบุว่า CRC เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกข้ามชาติและค้าปลีกประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 ในประเทศเวียดนาม ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และมีการคาดการณ์ว่า GDP ของประเทศเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 6.3 ต่อปี ในช่วงปี 2561 ถึง 2566 โดยปัจจุบันมีร้านค้าในรูปแบบต่างๆ จำนวน 133 ร้านค้า ใน 40 จังหวัดในประเทศเวียดนาม ในขณะที่ประเทศอิตาลี CRC คือผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์อันดับหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี (รายงานจาก Euromonitor International ณ วันที่ 30 ธันควาคม 2561) ภายใต้ชื่อ Rinascente รวมทั้งสิ้น 9 สาขา ใน 8 เมืองในประเทศอิตาลี ที่ได้รับอานิสงส์จากการมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากในทวีปยุโรปและเอเชีย ที่หลั่งไหลเข้าประเทศตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 CRC มีร้านค้าในรูปแบบต่างๆ ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกที่สำคัญรวม 2,072 ร้านค้า และเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าอีกจำนวน 1,784 เคาน์เตอร์ โดยมีพื้นที่ขายสุทธิรวมประมาณ 3 ล้าน ตร.ม. และพลาซ่า จำนวน 60 สาขา มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิกว่า 5 แสน ตร.ม.อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์มสู่ Customer-Centric Omni-channel ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ผสมผสานจุดเด่นที่ดีที่สุดของออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ นำไปสู่มาตรฐานใหม่ของประสบการณ์ช็อปปิ้งที่สมบูรณ์แบบ ผ่าน 3 แนวทางหลัก คือ 1) Convenience ความสะดวกสบายที่สามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก 2) Quality of Choice การเข้าถึงตัวเลือกสินค้าที่มากกว่าและมั่นใจได้ในคุณภาพของแท้ และ 3) Superior Omni-channel Service ด้วยบริการหลากหลายเชื่อมโยงทั้งหน้าร้านและออนไลน์ Customer-Centric Omni-channel จึงนับเป็นอีกหนึ่งในกุญแจแห่งการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดของ CRC ด้วยโมเดลและศักยภาพที่สามารถสร้างยอดขายและรายได้จากทุกเวลาและทุกที่ทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด Central of Life
ความแข็งแกร่งของผลประกอบการ กับโอกาสที่งดงาม
ในปี 2561 ที่ผ่านมา CRC มีรายได้รวม 206,575 ล้านบาท (คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 8.3% ระหว่างปี 2559 – 2561 แบ่งตามกลุ่มธุรกิจค้าปลีก: 36.3% Fashion / 20.8% Hardline / 42.9% Food) ขณะที่มี EBITDA จากการดำเนินงานต่อเนื่องรวม 25,123 ล้านบาท (คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 9.4% ระหว่างปี 2559 - 2561) โดยผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 CRC มีรายได้รวม 159,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,298 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 4.1% จากรายได้รวมในช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า และมียอดขายจาก Omni-channel ของกลุ่มแฟชั่น กลุ่มฮาร์ดไลน์ และกลุ่มฟู้ดในประเทศไทย (สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562) เพิ่มขึ้นร้อยละ 95 ร้อยละ 70 และร้อยละ 45 ตามลำดับ (เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561) เหนืออื่นใดกลยุทธ์การเติบโตที่น่าจับตามอง คือ CRC เตรียมต่อยอดความสำเร็จและความเป็นผู้นำในตลาดในประเทศ ทั้งการเติบโตแบบตนเอง (Organic Growth) และการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการอื่นๆ โดย CRC พร้อมเร่งการเติบโตในประเทศเวียดนาม และต่อยอด GO! ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม หลังเปลี่ยนชื่อจากแบรนด์ ‘บิ๊กซี’ รวมถึงมีแผนขยายร้านค้าเพิ่มเติม และนำเสนอร้านค้าเฉพาะทาง รวมทั้งจะเพิ่มเติมตัวเลือกของสินค้าให้มากขึ้น พร้อมบริการแนะนำสินค้า นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายจะเปิดร้านค้าเพิ่มกว่า 800 ร้านค้าทั่วทั้ง 63 จังหวัดในประเทศเวียดนาม เพื่อที่จะขยายเข้าไปในตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีผู้แข่งขันน้อยราย ขณะเดียวกันก็มีแผนพัฒนาปรับปรุง Rinascente ในประเทศอิตาลี เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนให้ได้มากยิ่งขึ้น พร้อมขยายธุรกิจทั้งในประเทศอิตาลีและประเทศอื่นในยุโรป อีกทั้ง CRC จะยังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม Omni-channel เพื่อยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้งให้กับลูกค้า
และต่อยอดความสำเร็จผ่านช่องทางและฟังก์ชั่นให้สามารถใช้งานได้กับทุกห้างสรรพสินค้า และร้านค้าของกลุ่ม CRC ที่สำคัญยังวางแนวทางรวมกลุ่มร้านค้า (Clustering) เพื่อลดต้นทุนในการส่งสินค้าและกระตุ้นให้ลูกค้าภายในร้านปรับมาสู่ช่องทาง ออนไลน์ รวมถึงยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อเพิ่มความภักดีและเพิ่มยอดขาย ขณะเดียวกันก็ไม่หยุดนิ่งที่จะหาโอกาสสร้างการเติบโตทั้งในเอเชียและในตลาดนานาชาติต่อไป
ประวัติศาสตร์บทใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
CRC ประกาศแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 1,691,000,000 หุ้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยแบ่งออกเป็น (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,331,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 22.1 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ซึ่งหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนดังกล่าวประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายและจัดสรรให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกและหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อรองรับการแลกหุ้นของผู้ถือหุ้นของบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ROBINS’ ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ผ่านการแลกหุ้น (ShareSwap) ที่ราคาเสนอซื้อ ROBINS ที่ 66.50 บาทต่อหุ้น เพื่อแลกกับหุ้น IPO ของ CRC ตามช่วงอัตราแลกหุ้นเบื้องต้นที่ 1.39 ถึง 1.66 ซึ่งคำนวณจากช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 40 – 48 บาท (ซึ่งจะถูกปรับปรุงให้แคบลงอีกครั้งก่อนกระบวนการสำรวจความต้องการจองซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) โดย CRC จะทำคำเสนอซื้อหุ้น ROBINS เพื่อแลกหุ้นดังกล่าวระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 (รวม 25 วันทำการ) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ (Tender Agent) หลังจากนั้นหุ้นของ ROBINS จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมกับหุ้น IPO ของ CRC เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Hawthorn Resources Limited (ผู้ถือหุ้นเดิม) จำนวนไม่เกิน 360,000,000 หุ้น คิดเป็น ร้อยละ 6.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)
ทั้งนี้ อาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Option หรือ Greenshoe) จำนวนไม่เกิน 169,100,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปใช้ในการรักษาระดับราคาหุ้น (Stabilization) เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนโอกาสนี้ ขอเชิญนักลงทุนร่วมฟังการนำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ‘CRC’ วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563 เวลา 14.00 น. ณ ห้องบางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 22 โดยสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ www.centralretail.com/ipo2020
นอกจากนี้ผู้สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนของ CRC ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ที่ www.sec.or.th และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ CRC ได้ที่ https://www.centralretail.com/ และ SocialMedia ของ CRC ได้ทุกช่องทาง