ผู้โดยสารเครื่องบินสุดเซ็ง! ทอท.เตรียมขึ้นภาษีสนามบิน 10% หลัง “ศักดิ์สยาม” เล็งดึงเงินจากทุกสนามบินเข้ากองทุนหมุนเวียนของ ทย. อ้างนำมาพัฒนาสนามบินภูมิภาค พร้อมขีดเส้นใน 1 เดือนเคาะถนน 4 เลนรถเพิ่มความเร็ว 120 กม./ชม. และชะลอรถบรรทุกวิ่งเข้า กทม.-ปริมณฑลตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีสี่
ผู้สื่อรายงานว่า หลังจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมสั่งการให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเงินจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบริการผู้โดยสารขาออกทุกสนามบิน (พีเอสซี) ในอัตราไม่เกิน 10% มาเข้ากองทุนหมุนเวียนของ ทย. โดยอ้างเพื่อนำไปใช้พัฒนาสนามบินในภูมิภาค และปัจจุบัน ทย.อยู่ระหว่างทำหนังสือสอบถามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าจะดำเนินการดังกล่าวได้หรือไม่นั้น
ขณะนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เตรียมคำนวณต้นทุนที่จะจัดเก็บค่าบริการพีเอสซีเพิ่มขึ้นจากผู้โดยสาร เพื่อชดเชยเงินรายได้ที่ต้องนำเงินส่งเข้ากองทุนหมุนเวียน เบื้องต้นน่าจะปรับขึ้นค่าพีเอสซีอีก 10% ซึ่งจะส่งผลให้ค่าพีเอสซี ที่เก็บจากผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 770 บาท/คน จากปัจจุบันที่จัดเก็บ 700 บาท/คน และผู้โดยสารขาออกภายในประเทศจะเพิ่มเป็น 110 บาท/คน
จากปัจจุบันที่เก็บ 100 บาท/คน
สำหรับค่าบริการพีเอสซีในปัจจุบัน ทอท.คำนวณจากต้นทุนการบริหารจัดการ และการบริการต่างๆ ซึ่งการนำเงินส่งเข้ากองทุนของ ทย. อีก 10% ถือว่าทำให้ ทอท. มีต้นทุนจากการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น และ ทอท.สามารถปรับขึ้นค่าพีเอสซีได้ ตามกฎหมายขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) แต่การปรับขึ้นต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ก่อน
อย่างไรก็ตาม การนำเงินเข้ากองทุน ทย. อีก 10% ไม่กระทบต่อผู้บริหารสนามบินแน่นอน เพราะที่ผ่านมา กบร.กำหนดให้ผู้ประกอบการเก็บค่าพีเอสซีสูงกว่าต้นทุนเล็กน้อยอยู่แล้ว เพราะต้องการให้มีกำไรบางส่วนจากการบริหารจัดการ ประกอบกับค่าพีเอสซีปัจจุบัน จัดเก็บเท่ากันได้ทุกสนามบิน เช่น สนามบินของ ทอท. จัดเก็บสำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศทุกสนามบินเท่ากันที่ 700 บาท/คน ทั้งๆที่ต้นทุนบริหารจัดการทุกสนามบินไม่เท่ากัน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิมีต้นทุนสูงกว่าสนามบินหาดใหญ่ จึงถือว่า ทอท.มีกำไรจากการจัดเก็บค่าพีเอสซีอยู่แล้ว
ส่วนการเพิ่มความเร็วรถยนต์บนถนนที่มี 4 ช่องจราจรขึ้นไปเป็น 120 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) จากเดิมไม่เกิน 90 กม./ชม.นั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะการบังคับใช้กฎหมายให้เพิ่มความเร็ว เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2535 ซึ่งมีข้อกำหนดทับซ้อนกัน จึงต้องร่วมกันแก้กฎหมายความเร็วให้สอดคล้องกัน โดยต้องให้ได้ข้อสรุปใน 30 วันก่อนเสนอกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.)พิจารณาอนุมัติ
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อถึงการปรับช่วงเวลาวิ่งของรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากเดิมให้วิ่งตั้งแต่ 10.00-16.00 น. และอนุญาตให้วิ่งเฉพาะช่วงตั้งแต่ 24.00-04.00 น. ว่า สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ขอให้กระทรวงทบทวนหรือชะลอห้ามวิ่งเวลา 24.00-04.00 น. และขอให้ประชุมร่วมกับเอกชนก่อน ตนจึงสั่งการให้ สนข.ศึกษาร่วมกับสถาบันการด้านโลจิสติกส์ถึงผลดีและผลเสียต่อการจราจร ระบบโลจิสติกส์ และเศรษฐกิจ.