ประกาศศักดาร่วมมือพัฒนาลงทุนกระหึ่มโลก
“แครี แลม” ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เยือนไทยวันที่ 28-29 พ.ย.นี้ เพื่อประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงไทย-ฮ่องกง เป็นครั้งแรกลงนามเอ็มโอยู 6 ฉบับกับไทย ร่วมมือพัฒนาในทุกด้านขณะที่ รมต.พาณิชย์ฮ่องกง นำนักธุรกิจ 50 ราย มาดูเพื่อหาลู่ทางย้ายฐานผลิตมาไทย ลุ้นจับคู่ธุรกิจบริษัทฮ่องกง-บริษัทไทย
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า วันที่ 29 พ.ย.นี้ นางแครี แลม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูง ไทย-ฮ่องกง เป็นครั้งแรก กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมรัฐบาลไทย ภายหลังการหารือจะมีการลงนาม ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) 6 ฉบับ โดยฉบับใหญ่ที่สุดเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลในการพัฒนาทุกด้าน โดยนายสมคิด และนางแครี แลม จะเป็นผู้ลงนามด้วยตัวเอง ขณะที่เอ็มโอยูที่เหลือเป็นกรอบการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการส่งเสริมนวัตกรรม และการพัฒนาคน การส่งเสริมผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ตอัพ การร่วมมือทางด้านเทคโนโลยี การเชื่อมโยงด้านการเงิน และตลาดทุนระหว่างกัน และการส่งเสริมเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (ครีเอทีฟ อีโคโนมี) ร่วมทั้งเป็นการเริ่มต้นการเจรจาเพื่อจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-ฮ่องกงด้วย
“ถือเป็นครั้งแรกของทั้ง 2 ฝ่าย ที่มีการยกระดับความร่วมมือ ผ่านการหารือผ่านคณะกรรมการร่วมระดับสูง โดยจะมีการประชุมกันเป็นประจำ เหมือนที่ไทยมีความร่วมมือกับจีนและญี่ปุ่น เพราะความร่วมมือเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจระหว่างกันทุกด้าน ฝ่ายฮ่องกงก็จะสามารถใช้ไทยเป็นประตูเชื่อมไปยังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และกลุ่มอาเซียนได้ ส่วนไทยก็สามารถใช้พื้นที่เขตเศรษฐกิจอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือเกรเตอร์ เบย์แอเรีย ไปสู่จีนได้”
สำหรับความร่วมมือที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการต่อยอดมาจากการเดินทางไปเยือนฮ่องกงของนายสมคิด เมื่อเดือน ต.ค. ขณะเดียวกันคณะของนายเอ็ดเวิร์ด เหยา รมว.พาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกง ได้พาคณะนักธุรกิจจากฮ่องกง 50 คน มาเยือนประเทศไทยเพื่อมาศึกษาช่องทางการค้าและการลงทุนในประเทศไทย โดยได้ไปพบหน่วยงานสำคัญต่างๆของไทย พร้อมทั้งศึกษาลู่ทางการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย และวันที่ 28 พ.ย.นี้ สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (เอชเคอีทีซี) ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จัดสัมมนาเพื่อชี้แจงข้อมูลการลงทุนของไทย โดยนายสมคิดจะเป็นผู้กล่าวชักจูงการลงทุนด้วยตัวเอง
“นักธุรกิจฮ่องกงที่เดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ มาจากหลายกลุ่มธุรกิจ ที่สนใจเข้ามาลงทุนขยายธุรกิจในไทย เช่น กลุ่มธุรกิจการเงิน ประกันภัย อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน อุตสาหกรรม กลุ่มสตาร์ตอัพที่มีชื่อเสียง โดยมีบางส่วนกำลังมองหาลู่ทางย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และในครั้งนี้จะมีเวทีบิสสิเนส แมตชิ่ง หรือการจับคู่ธุรกิจกับธุรกิจฝ่ายไทยที่ตกลงเข้าร่วม 60 รายด้วย”
ทั้งนี้ บริษัทของฮ่องกง ที่มาหาลู่ทางการลงทุนและคู่ค้า ตลอดจนหาผู้ร่วมทุนในไทย ที่ต้องการจับคู่ธุรกิจ อาทิ บริษัท Mictronics เป็นบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศที่สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไป มีการทดสอบกับโรงงานที่เกาลูน ประหยัดพลังงานได้ 73% หรือที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของประเทศจีน ประหยัดพลังงานได้ 46.3% แจ้งว่าต้องการพบกับบริษัทในทุกอุตสาหกรรมของไทย ที่ใช้เครื่องปรับอากาศติดต่อกันเป็นเวลานานและต้องการลดค่าใช้จ่าย
ขณะที่บริษัท Beeinventor มีผลิตภัณฑ์เครื่องมือ IoT อัจฉริยะช่วยส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัย รวมไปถึงการติดตามคนงานก่อสร้าง อุปกรณ์นี้ถูกผสมผสานกับหมวกนิรภัย และนำมาปรับใช้ได้ในทุกไซต์ก่อสร้างทั่วโลก โดยทำงานร่วมระบบคลาวด์ ต้องการพบกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง วิศวกรและบริษัทที่ให้บริการเครือข่ายสัญญาณแบบ NBIoT ของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ด้านแผนที่ในตัวอาคารต้องการพบกับทุกอุตสาหกรรมของไทย ห้างสรรพสินค้า และพื้นที่สาธารณะที่ต้องการสร้างแผนที่ตัวอาคารเพื่อแบ่งปันกับผู้ใช้บริการ และบริษัทของฮ่องกง ที่เป็นบริษัทเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) และแพลตฟอร์มฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์และเว็บไซต์เป็นฐาน ต้องการพบกับบริษัทของไทย ที่เป็นผู้บริหารห้างสรรพสินค้า ฝ่ายบริหารจัดการจราจรบนถนน บริษัทรักษาความปลอดภัย โดยบริษัทนี้มีระบบจดจำใบหน้าด้วย AI.