ชิงโชคทองคำถึง 31 มกราคม 63 “ชิม ช้อป ใช้” ทิ้งไพ่ตายดึงคนไทยร่วมโครงการ

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ชิงโชคทองคำถึง 31 มกราคม 63 “ชิม ช้อป ใช้” ทิ้งไพ่ตายดึงคนไทยร่วมโครงการ

Date Time: 14 พ.ย. 2562 08:56 น.

Summary

  • “กรุงไทย” กระตุ้นประชาชนเข้าร่วม ชิงโชคทองคำจากโครงการ “ชิม ช้อปใช้” รอให้กระทรวงมหาดไทยอนุมัติตามขั้นตอน พร้อมแจกทันที ทุกๆสัปดาห์ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.2563 ดึงดูดคนไทย 15 ล้านคนออกมาใช้จ่าย

Latest

เศรษฐกิจคอนเทนต์อาเซียนโตพุ่ง 4.85 แสนล้าน สวนทางรายได้ “ครีเอเตอร์” ไม่ได้เยอะอย่างที่ฝัน

“กรุงไทย” กระตุ้นประชาชนเข้าร่วม ชิงโชคทองคำจากโครงการ “ชิม ช้อปใช้” รอให้กระทรวงมหาดไทยอนุมัติตามขั้นตอน พร้อมแจกทันที ทุกๆสัปดาห์ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.2563 ดึงดูดคนไทย 15 ล้านคนออกมาใช้จ่ายเงิน พร้อมเปิดลงทะเบียนชิมช้อปใช้ เฟส 3 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.นี้ ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 5 แสนคน เปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 17 พ.ย.นี้

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิม ช้อป ใช้” ระยะที่ 3 หรือเฟส 3 เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ในส่วนของธนาคาร ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการ ได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อขออนุญาตให้สามารถจัดทำโครงการจับสลากชิงโชคทองคำในโครงการดังกล่าว โดยจะมีการแจกรางวัลทองคำ ทุกๆสัปดาห์ สำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

ในส่วนของกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ที่มีการคืนเงิน (cash back) และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 180,000 แห่งที่ใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ยังมีสิทธิลุ้นชิงโชคทองคำครั้งนี้ด้วย การแจกรางวัลทองคำ จะเริ่มได้หลังจากกระทรวงมหาดไทยอนุญาต โดยจะจัดทำโครงการไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.2563

“สำหรับการจับรางวัล แบ่งเป็นผู้ที่รับสิทธิที่ใช้จ่ายกระเป๋าเงินช่องที่ 2 กรณีใช้เงินทุกๆ 1,000 บาท จะได้รับสิทธิลุ้นรางวัล 1 สิทธิ และร้านค้าถุงเงิน 1 ใบสลิป ก็จะได้รับสิทธิลุ้นรางวัล 1 สิทธิ ส่วนวงเงินรางวัลทั้งหมดจะมีจำนวนเท่าใด ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอให้กระทรวงมหาดไทยอนุญาตก่อน แต่รับรองว่ารางวัลใหญ่ที่จะออกสมน้ำสมเนื้อแน่นอน”

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การลงทะเบียนชิม ช้อป ใช้ ระยะที่ 3 หรือเฟส 3 จำนวน 2 ล้านคน ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่าน www.ชิมช้อปใช้.com เหมือนเดิม โดยแบ่งเป็น 1.ประชาชนทั่วไป จำนวน 1.5 ล้านคน เปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.เป็นต้นไป วันละ 750,000 คน แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือรอบเวลา 06.00 น. และ 18.00น. รอบละ 375,000 คน โดยผู้ที่ได้รับสิทธิจะได้รับข้อความสั้น หรือ SMS ภายใน 3 วัน เพื่อให้เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.นี้

สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ จำนวน 500,000 คน จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 17 พ.ย. จำนวน 500,000 คน ตั้งแต่เวลา 08.00น. เป็นต้นไป โดยในส่วนของผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิจะได้รับข้อความ SMS ภายใน 3 วันหลังจากสมัคร ซึ่งจะเริ่มใช้เงินได้ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ จนถึงหมดระยะเวลาโครงการวันที่ 31 ม.ค.2563

“สศค.คาดหวังว่าโครงการชิม ช้อป ใช้จะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 60,000 ล้านบาท จากการเปิดลงทะเบียนในเฟส 1 เฟส 2 และเฟส 3 รวมแล้ว 15 ครั้ง และคาดหวังว่า คนที่ได้รับสิทธิจะใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินช่องที่ 2 เพิ่มเติมหลังจากใช้เงินในกระเป๋าเงินช่องแรกหมดแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีโรงแรมระดับห้าดาว เช่น เครือโรง แรมเซ็นทารา ศรีพันวา เป็นต้น และรีสอร์ตทั่วประเทศ 4,600 แห่งเข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถกระตุ้นให้คนสนใจใช้จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น”

ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันในโครงการชิมช้อป ใช้ เฟส 1 และเฟส 2 มียอดใช้จ่ายรวมทั้ง 2 กระเป๋าแล้ว 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กระเป๋าเงินช่องที่ 1 มียอดใช้จ่ายจำนวน 11,000 ล้านบาท และกระเป๋าเงินช่องที่ 2 มียอดใช้จ่ายแล้ว 1,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดใช้จ่ายผ่านร้านชิมคือ ร้านอาหาร ภัตตาคาร มากที่สุดกว่า 47% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด

ทั้งนี้ ในการรับสมัครผู้ประกอบการและร้านค้าที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ กรมบัญชีกลางได้ขยายระยะเวลาจากเดิมจะปิดรับสมัครในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ไปถึงวันที่ 15 ม.ค.2563 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ เครือโรงแรมต่างๆ ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมมาตรการเข้ามาสมัครเพิ่มเติม และปัจจุบันมีร้านค้าและผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ 180,000 ร้านค้า ขณะที่การคืนเงินในกระเป๋าเงินช่องที่ 2 รัฐบาลก็จะคืนเงินทั้งหมด 2 รอบ

โดยรอบแรกสำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย-30 พ.ย.นี้ ผู้ใช้จ่ายในโครงการ จะได้รับเงินคืนภายในกลางเดือน ธ.ค.และรอบที่ 2 การใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค.นี้ ผู้ใช้จ่ายในโครงการก็จะได้รับเงินคืนภายในกลางเดือน ม.ค.2563

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการชิม ช้อป ใช้ ว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และทำให้ภาคบริโภคฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมาตรการล่าสุดให้มีการปลดล็อกการใช้จ่ายในกระเป๋าที่ 2 ให้สามารถใช้จ่ายได้ในทุกๆจังหวัด คาดว่าจะช่วยเพิ่มการใช้จ่ายในส่วนนี้ จากปัจจุบันมีเพียงประมาณ 900 ล้านบาท โดยในส่วนการคืนเงินกระเป๋าที่ 2 รัฐบาลได้เตรียมเงินไว้ถึง 9,000 ล้านบาท รวมทั้งการขยายระยะเวลาในมาตรการนี้ออกไป ไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่ม จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำโครงการดังกล่าว.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ