คณะรัฐมนตรีคลอด “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 3

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

คณะรัฐมนตรีคลอด “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 3

Date Time: 13 พ.ย. 2562 08:45 น.

Summary

  • ครม. คลอดโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 3 ตั้งเป้าประชาชนลงทะเบียน 2 ล้านคน ต่อเนื่องจากเฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 รวมแล้ว 15 ล้านคน หลังจากพบว่าประชาชนให้การต้อนรับสูงมาก

Latest

รอบรั้วการตลาด : Mega Clinic ทำ all-time high เปิดกลยุทธ์ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

เปิดนาทีทองผู้สูงอายุ-คืนเงิน “เป๋า 2” 20%

ครม. คลอดโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 3 ตั้งเป้าประชาชนลงทะเบียน 2 ล้านคน ต่อเนื่องจากเฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 รวมแล้ว 15 ล้านคน หลังจากพบว่าประชาชนให้การต้อนรับสูงมาก แต่เฟสที่ 3 ไม่มีการแจกเงินให้ เหตุหวั่นงบประมาณบานปลาย ทะลุเกิน 19,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังขยายขอบเขตการใช้เช่น ซื้อแพ็กเกจทัวร์ (ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าอาหารและที่พัก) พร้อมไฟเขียวให้ใช้ได้ทุกจังหวัด และยังกันสิทธิ์ให้คนชราหรือผู้สูงอายุ 500,000 ราย ลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ต ไม่ทันคนหนุ่มสาว

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอขยายมาตรการชิม ช้อป ใช้ ระยะที่ 3 (เฟส 3) หรือมาตรการขยายเพิ่มเติมระยะที่ 1 และระยะที่ 2 โดยกระทรวงการคลังได้ขยายมาตรการดังกล่าวทั้ง 2 ระยะจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2562 ไปสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค.2563

ขณะที่มาตรการชิม ช้อป ใช้ ระยะที่ 3 จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 14 พ.ย.นี้ และสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ม.ค.2563 เช่นกัน โดยกระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนในช่วงเช้า 06.00 น. และในช่วงเย็น 18.00 น. จำนวนไม่เกิน 2 ล้านคน แต่ในรอบนี้จะเพิ่มกรณีคนชราหรือผู้สูงอายุ ซึ่งลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ตได้ช้ากว่าคนหนุ่มสาวสามารถลงทะเบียนได้เป็นกรณีพิเศษจำนวน 500,000 คน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้กลุ่มประชาชนทั่วไปมีจำนวนที่สามารถลงทะเบียนได้ 1.5 ล้านคน

“การเปิดลงทะเบียนชิม ช้อป ใช้ เฟส 3 ในครั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังเห็นว่า เป็นโครงการที่ดีและมีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการในเฟส 1 และเฟส 2 อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงอยากขยายโครงการไปจนถึงสิ้นเดือน ม.ค.ปีหน้า ซึ่งมีระยะเวลาครอบคลุมในช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงเทศกาลตรุษจีนในเดือน ม.ค.2563 ด้วย”

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การควบคุมการใช้เงินงบประมาณเป็นไปตามงบประมาณเดิมที่วางแผนไว้ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการชิม ช้อป ใช้ จำนวน 19,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการระยะ 1 และระยะ 2 กระทรวงการคลังได้ใส่เงินในกระเป๋าใบที่ 1 จำนวน 1,000 บาทต่อคน หรือคิดเป็นเงินรวม 10,000 ล้านบาทนั้น ล่าสุดเงินงบประมาณก้อนนี้ใช้เต็มวงเงินเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือวงเงินในกระเป๋าที่ 2 อยู่อีก 9,000 ล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้ได้

ดังนั้น มาตรการชิม ช้อป ใช้ ระยะที่ 3 จะไม่มีการแจกเงิน 1,000 บาท ในกระเป๋าใบที่ 1 แต่ยังคงให้สิทธิ์ในส่วนกระเป๋าใบที่ 2 ซึ่งได้เงินคืน (cash back) กรณีใช้เงินในกระเป๋าใบที่ 2 หากมียอดใช้ถึง 30,000 บาท จะได้รับเงินคืน 15% หรือไม่เกิน 4,500 บาท และหากใช้เงินเพิ่มขึ้นอีก 20,000 บาท หรือเกินวงเงิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท จะได้รับเงินคืนอีก 20% แต่ไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งรวมแล้วจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 8,500 บาท เพื่อไม่ให้วงเงินเกิน 9,000 ล้านบาท

“งบประมาณของโครงการชิม ช้อป ใช้ จะไม่เกิน 19,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน โดยกระทรวงการคลังจะบริหารเงินงบประมาณที่ได้รับมอบหมายไม่ให้เกินมติ ครม. โดยมาตรการชิม ช้อป ใช้ เฟส 3 จึงเน้นไปที่การขยายมาตรการเพิ่มเติมจากของเดิม โดยประ-ชาชนที่ลงทะเบียนเฟสแรก จนถึงเฟส 3 สามารถขยายขอบเขตการใช้ได้ทุกจังหวัด จากเดิมกำหนดใช้ได้ทุกจังหวัดแม้แต่ภูมิลำเนาตนเอง (ที่อยู่ในบัตร ปชช.) ก็ใช้ได้ และขยายการใช้เงินในกระเป๋าใบที่ 2 สามารถซื้อแพ็กเกจทัวร์ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก และอาหารได้อีกด้วย”

นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังอยู่ระหว่างการประเมินโครงการชิม ช้อป ใช้ ระยะที่ 1 ว่ามีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนเท่าไหร่ โดยยอมรับว่าโครงการระยะที่ 1 และ 2 ประชาชนจะใช้เงิน 1,000 บาท จากกระเป๋าใบแรกหมด ส่วนกระเป๋าใบที่ 2 ใช้เงินจ่ายเงินน้อยมาก สศค. จึงเสนอให้มีการขยายหรือปลดล็อก ข้อห้ามบางเรื่องเพื่อช่วยสนับสนุนให้ประชาชนใช้เงินในกระเป๋าใบที่ 2 เพื่อใช้ในการท่องเที่ยว และใช้จ่ายในช่วงปีใหม่และตรุษจีนมากขึ้น

ส่วนแนวคิดที่จะมี “ชิงโชค” ไม่ได้เสนอให้ ครม. พิจารณาและยังไม่มีข้อสรุป โดยในวันที่ 13 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะแถลงเรื่องดังกล่าว อย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับมาตรการชิม ช้อป ใช้นี้ ทำคลอดไปแล้วทั้งสิ้น 3 ระยะ โดยระยะที่ 1 เริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน วันที่ 23 พ.ย. เป็นต้นมา โดยมีประชาชนเข้าร่วม โครงการ 10 ล้านคน ระยะที่ 2 จำนวน 3 ล้านคน และระยะที่ 3 อีก 2 ล้านคน รวม คาดว่ามีประชาชนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 15 ล้านคน.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ