ปลัดท่องเที่ยวโอดเสนออะไรก็ไม่ผ่าน ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ หอบข้อเสนอพบ “กอบศักดิ์” นำเข้า ครม.เศรษฐกิจก่อนเข้า ครม.ชุดใหญ่ ชงให้แก้ปัญหาใบ ตม.30 พร้อมขอลดแวตให้ทัวร์อินบาวด์ พับแผนหยุด 2 วัน ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจพาลูกเที่ยวช่วงปิดเทอม
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้หารือนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เกี่ยวกับมาตรการด้านการท่องเที่ยว ทั้งมาตรการเสริมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัญหาและอุปสรรคในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่วนมาตรการเพิ่มวันหยุดพิเศษ 2 วันในเดือน ต.ค.2562 ให้กับข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยไม่นับเป็นวันหยุดหรือวันลาพักร้อน เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวนั้นไม่ได้หารือ เพราะมาถึงวันนี้อาจจะไม่ทันเวลา เพราะเดิมตั้งใจหาพ่อแม่หยุดงานเพื่อพาลูกเที่ยวในช่วงปิดเทอมเดือน ต.ค.นี้ ก็คงล้มเลิกไม่เสนอ ครม.แล้ว
“ช่วงนี้ท่องเที่ยวเสนออะไรก็ไม่ค่อยผ่านการอนุมัติจาก ครม. จึงต้องนำเรื่องมาตรการทั้งที่ใช้เงินสนับสนุนและไม่ใช้เงินสนับสนุนที่ต้องนำเสนอ ครม.มาหารือกับนายกอบศักดิ์ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ และก่อนเสนอ ครม.ต่อไป แต่คงไม่ทันในการประชุม ครม.เศรษฐกิจในสัปดาห์นี้”
นายโชติ กล่าวด้วยว่า กระทรวงได้รับร้องเรียนจากชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยที่มีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีปัญหาและความยุ่งยากในทางปฏิบัติ เกี่ยวกับมาตรา 37 พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองของไทยมีบทบัญญัติที่กำหนดให้ชาวต่างชาติทุกคนต้องแจ้งที่อยู่ของตนให้เจ้าพนักงานทราบเมื่อมีการย้ายถิ่นฐานภายใน 24 ชั่วโมง สมมติกรณีที่ต่างชาติที่มีที่พักอาศัยอยู่ที่แหลมฉบัง แต่ต้องการเดินทางไปเที่ยวภูเก็ตหรือเชียงใหม่ ต้องมีการแจ้งทางการให้รับรู้ โดยต้องกรอกใบ ตม.30 ตามระเบียบของรัฐ หากลืมแจ้งก็จะถูกปรับทำให้เกิดความไม่สะดวก
ทั้งนี้ กลุ่มต่างชาติที่ทำงานในไทยกลุ่มนี้มีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง มีประมาณ 150,000 คน มีทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และชาติอื่นๆอีกจำนวนมาก กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีเงินเดือนสูงตั้งแต่ 100,000 บาทถึงหลายแสนบาท เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีการจับจ่ายในแต่ละครั้งที่ไปท่องเที่ยวจำนวนมาก กระทรวงจึงนำเรื่องนี้หารือนายกอบศักดิ์ ก่อนเสนอขอแก้ระเบียบที่เป็นอุปสรรคของต่างชาติที่พำนักในไทย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ทางสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ซึ่งถือเป็นสมาคมทัวร์นำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนรายใหญ่ หรือทัวร์ตลาดต่างชาติเที่ยวไทย (อินบาวด์) ได้ยื่นข้อเสนอมายังกระทรวงเพื่อขอลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่เกิดจากรายได้ของการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย เพราะแอตต้ามองว่ารัฐบาลสนับสนุนผู้ส่งออกโดยการลดหรือยกเว้นการเก็บภาษีแวตให้กับผู้ประกอบการส่งออก ในฐานะแอตต้านำเข้านักท่องเที่ยว และนำเงินตราต่างประเทศเข้าไทย ไม่ต่างอะไรกับผู้ส่งออก ก็ควรจะได้รับการยกเว้นแวตจากรัฐบาลเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อหารือทั้งหมดยังไม่ได้ข้อสรุป โดยนายกอบศักดิ์ให้กระทรวงหาข้อมูลให้รอบด้าน ทั้งเรื่องของ ตม.30 ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงเสนอลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมันเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย ส่วนเรื่องของลดยกเว้นแวตให้กับแอตต้า ในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังในการประชุมครั้งต่อไปในสัปดาห์หน้าจะเชิญกระทรวงการคลังมาร่วมหารือด้วย
ด้านนายกอบศักดิ์ เปิดเผยว่า มั่นใจว่าภายในระยะเวลา 90 วัน จะประสานเพื่อแก้ปัญหาเรื่องใบ ตม.30 ให้จบ เพราะการอำนวยความสะดวกให้กับคนต่างชาติที่มาอยู่ในไทยถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงว่าทำไม 90 วัน คนต่างชาติจะต้องรายงานตัวตลอดเวลาด้วย ต้องปรับกฎระเบียบให้ง่าย สะดวก และน่าอยู่ เพราะคนต่างชาติอยากมาอยู่ประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่มักติดระเบียบต่างๆ
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สศช. หรือสภาพัฒน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศเกือบ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ แต่ ในปี ค.ศ.2030 รายได้ท่องเที่ยวน่าจะถึง 30% ของจีดีพี จะกลายเป็นเครื่องยนต์กลไกของเศรษฐกิจไทยนอกเหนือจากการส่งออกในปัจจุบัน ดังนั้น จะต้องพัฒนาเชิงพื้นที่ให้โตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง เช่น ในภาคใต้จะต้องเชื่อมโยงการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันและอ่าวไทย โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทยจะต้องมีการพัฒนาโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า หรือรอยัล โคสต์ ซึ่งจะเป็นเส้นทางโรแมนติกที่อาจจะยาวที่สุดในโลก ซึ่งไทยมีของดีตลอดเส้นทางนี้ ต้องทำให้ชาวบ้านได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ง่ายที่สุด เอาสินค้าของชาวบ้าน ร้านอาหารเข้ามาสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว นำมาพัฒนาให้ดีกว่าสินค้าโอทอปที่มีอยู่.