“เซ็นทรัล วิลเลจ” เฮ! ศาลปกครองกลางคุ้มครองชั่วคราว สั่ง ทอท.รื้อถอนสิ่งกีดขวาง เปิดทางเข้า–ออก ถือฤกษ์ 10.39 น. เปิดบริการวันแรก 31 ส.ค.นี้ ขณะที่ “ศักดิ์สยาม” สั่ง กพท.ตรวจผลกระทบความปลอดภัยทางการบินซ้ำอีก พร้อมตั้งกรรมการ 4 ฝ่าย หาคนอนุญาตก่อสร้างทางเชื่อมบนทางหลวง หมายเลข 307 ให้ได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด ได้ยื่นฟ้องบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ ทอท.รื้อถอนเต็นท์ออกจากทางเข้า-ออก โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี เอาต์เลต นั้น ล่าสุดศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ ทอท.เปิดเส้นทางเข้า-ออกโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี เอาต์เลต และให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งกีดขวางใดๆออกไปจากบริเวณทางเข้า-ออกหน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ และยุติการดำเนินการใดๆ อันเป็นการขัดขวาง รบกวน หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ในโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลเห็นว่าข้ออ้างของ ทอท.ที่ว่า โครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 และก่อให้เกิดความเสียหายทางด้านการเงิน เศรษฐกิจ และการให้บริการสาธารณะต่างๆ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น นอกจากนี้ บริเวณที่พิพาทเป็นเขตทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวง ทอท.เป็นเพียงหน่วยงานที่ได้รับสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุเท่านั้น มิได้มีอำนาจอื่นเกี่ยวกับที่ราชพัสดุดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลจะมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ตามคำขอของเซ็นทรัล จึงไม่เป็นการเสียหายหรือเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของ ทอท.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล ได้แถลงการณ์ขอบคุณภาครัฐ ศาลปกครอง ประชาชน สื่อมวลชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่มีความจริงใจช่วยสนับสนุนให้เกิดความเป็นธรรม และช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ และให้โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี เอาต์เลต ระดับโลกแห่งแรกของไทย สามารถเปิดให้บริการได้ตามกำหนดในวันที่ 31 ส.ค. เวลา 10.39-22.00 น. ตามเดิม โดยมุ่งหวังประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของชาติเป็นสำคัญ
ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ ทอท.ได้เร่งดำเนินการรื้อถอนสิ่งกีดขวางต่างๆออกจากทางเข้า-ออก ตามคำสั่งศาล โดยเร็วที่สุด ส่วนประเด็นการอนุญาตก่อสร้างทางเชื่อมบนถนนทางหลวง หมายเลข 307 เบื้องต้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอยู่ในกรรมสิทธิ์ของหน่วยงานใด เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมธนารักษ์ ทอท. กรมทางหลวง (ทล.) และ ทย ดังนั้นจึงแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาหาแนวทางออกร่วมกัน 4 ฝ่าย โดยมีนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน โดยให้หาคนออกใบอนุญาตเชื่อมทางเข้า-ออกและข้อสรุปทางออกของปัญหาภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนประเด็นผลกระทบความปลอดภัยทางการบินถือเป็นหน้าที่ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ปัจจุบันกฎหมายตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ บังคับใช้เพียงการกำหนดความสูงของอาคารที่ก่อสร้างใกล้กับสนามบิน จะต้องไม่สูงเกินมาตรฐาน ซึ่งที่ผ่านมา กพท.ได้ตรวจสอบโครงการดังกล่าวแล้ว ผลปรากฏว่า ไม่เป็นผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการบิน ที่ประชุมจึงขอให้ กพท.เข้าตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เพื่อความเชื่อมั่น
ด้านนายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวย การใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด หรือ บวท. กล่าวว่า จากการบินทดสอบรับส่งสัญญาณระหว่างเครื่องช่วยการเดินอากาศกับเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏ ว่า ไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น เครื่องบินสามารถทำการบินลงได้ตามปกติ แต่ต้องรอดูว่าเมื่อเปิดให้บริการแล้วจะมีกิจกรรมใดที่กระทบต่อความปลอดภัยทางด้านการบินหรือไม่ เช่น การยิงแสงเลเซอร์, การปล่อยลูกโป่ง และการเปิดสปอร์ตไลท์ เป็นต้น ซึ่งต้องแจ้งให้เซ็นทรัลวิลเลจ ทราบว่าห้ามทำกิจกรรมใดบ้าง เพื่อมิให้กระทบต่อการบิน และต้องยอมรับว่าหากมีแสงเลเซอร์ หรือสปอร์ตไลท์ ส่องขึ้นมาก็จะกระทบกับนักบินในการทำการบินได้.