นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงกรณีสหรัฐฯปรับแผนขึ้นภาษีสินค้าจีนลอตสุดท้ายมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแบ่งเป็น 2 รอบคือ รอบแรกเริ่มเก็บ 1 ก.ย.62 ประมาณ 3,000 กว่ารายการ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ยาสูบ หนังสือและสิ่งพิมพ์ เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องประดับ รวมทั้ง แร่ธาตุ, เคมีภัณฑ์, เหล็ก, อะลูมิเนียม และมอเตอร์ไซค์ ส่วนรอบ 2 จะเริ่มเก็บ 15 ธ.ค.62 อีก 500 รายการ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอเกมส์ โทรทัศน์ วิทยุ จอคอมพิวเตอร์ และสินค้าอื่นๆ เช่น นาฬิกา ของเล่น รองเท้าและเครื่องแต่งกาย
“สนค.ประเมินว่า กรณีนี้ถือเป็นสัญญาณดีว่า สหรัฐฯและจีนอาจเจรจากันอีกครั้งในเดือน ก.ย.62 และไทยยังมีโอกาสผลักดันส่งออกสินค้าศักยภาพในตลาดสหรัฐฯได้เพื่อทดแทนสินค้าจีนในกลุ่มจะขึ้นภาษีเร็วๆนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตร แปรรูป, เครื่องปรุงอาหาร และเครื่องดื่ม เครื่องแต่งกาย และของใช้ในบ้าน อย่างไรก็ตาม จะต้อง ติดตามความคืบหน้าการเจรจาและการขึ้นภาษี เพราะอาจเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมการค้าโลก รวมถึงการส่งออกของไทยในช่วงปลายปีนี้ โดยไทยควรต้องมีมาตรการรุกตลาดสหรัฐฯ และตลาดต่างๆ โดยเร็วเพื่อแข่งกับประเทศอื่นที่หวังรุกตลาดสหรัฐฯเช่นเดียวกัน แต่สินค้าไทยยังมีจุดแข็งในด้านคุณภาพที่ดี เป็นที่เชื่อถือของผู้บริโภคทั่วโลก”
ด้านนายวิทยากร มณีเนตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบในฮ่องกง ทำให้ผู้นำเข้าจำนวนมากได้ยกเลิกเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ฮ่องกง ในเดือน ก.ย.นี้ และ แสดงความจำนงจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ หรืองานบางกอก เจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ ที่จะจัดขึ้นในไทยวันที่ 3-10 ก.ย.นี้ แทน ซึ่งน่าจะทำให้เกิดมูลค่าการซื้อขายสินค้าภายในงานดังกล่าวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความไม่สงบดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการจัดกิจกรรมโปรโมชันสินค้าไทยในฮ่องกง โดยล่าสุดห้างสรรพสินค้าหลายแห่งของฮ่องกง เช่น ห้าง 759 และห้าง Taste ยังยืนยันจะจัดกิจกรรมเปิดตัวข้าวออร์แกนิกของไทยในช่วงเดือน ก.ย.นี้.