นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากที่กรมทางหลวงได้มีการก่อสร้างปรับปรุงขยายเส้นทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือถนนธนบุรี-ปากท่อ) ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระหว่าง กม. 9+800.0000-กม. 21+500.000 ระยะทาง 11.7 กม.และส่งผลกระทบต่อการจราจรนั้น ขณะนี้ตนจึงได้มีนโยบายสั่งการให้หน่วยงานที่กำกับในโครงการก่อสร้างในสังกัดกระทรวงคมนาคมทุกโครงการ รวมถึงผู้รับเหมาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องมีมาตรการรองรับในการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่ก่อสร้างทุกโครงการไม่ให้ประชาชนที่สัญจรได้รับผลกระทบ และในสัปดาห์หน้าตนจะลงพื้นที่ไปดูโครงการก่อสร้าง ถนนกัลปพฤกษ์ ของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดเช่นกัน
นอกจากนั้น ยังมีนโยบายที่จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในเขตพื้นที่ก่อสร้างทุกโครงการจะต้องมีการปรับแผนการทำงานให้เร็วกว่าแผนที่กำหนดเดิม เพื่อช่วยลดปัญหาการจราจร นอกจากนั้นมองว่าในอนาคตโครงการก่อสร้างทุกโครงการควรมีการกำหนดตัวชี้วัด (เคพีไอ) ด้านการจราจร เพื่อให้ทราบผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ที่สำคัญจะต้องสร้างการรับรู้ให้ผู้ได้รับผลกระทบได้เข้าใจ ก่อนดำเนินการก่อสร้างด้วย
สำหรับมาตรการรองรับเพื่อลดผลกระทบจากการก่อสร้างนั้นมองว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะมีการขยับแบริเออร์ เพื่อขยายช่องจราจรให้กว้างขึ้น ซึ่งตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา จากที่ได้มีการลงพื้นที่ถนนพระราม 2 พบว่า การจราจรมีความคล่องตัวขึ้น ดังนั้น ก็ยังคงให้ดำเนินการในลักษณะนี้ต่อไป รวมทั้งอาจให้เพิ่มเติมเรื่องการปรับช่องจราจรให้เป็นแบบเดียวกับในต่างประเทศที่มีการก่อสร้าง โดยนำกรวยมาวางกั้นช่องจราจรกับเขตก่อสร้างเป็นแนวยาวและค่อยๆบีบเล็กลงให้เห็นชัดเจน เพื่อให้สะดวกต่อการขับขี่ โดยไม่ต้องแย่งช่องจราจรกัน.