เบทาโกรต่อยอดความสำเร็จผู้นำอุตสาหกรรมอาหารคุณภาพและปลอดภัย ดันผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค พร้อมเดินหน้ารุกตลาดส่งออก...
นายสมศักดิ์ บุญลาภ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกรผู้ทำธุรกิจอาหาร กล่าวว่า ปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จ ด้วย 3 กิจกรรมหลักคือ เปิดตัวแคมเปญการตลาดใหญ่ ไส้กรอกรมควันเบทาโกร อร่อยใช่ สัมผัสไหนก็โดน โดยมี โป๊ป-ธนวรรธน์ เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของผลิตภัณฑ์ไส้กรอกแบรนด์เบทาโกร เพิ่มการรับรู้แบรนด์ไส้กรอกรมควันเบทาโกร 93% และมีการบริโภคเป็นประจำเพิ่มสูงถึง 45% ช่วยดันยอดขายเพิ่มเฉพาะกลุ่มไส้กรอก 10% โดยไส้กรอกกลุ่มพรีเมี่ยมและเกรด A เติบโตถึง 15% นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นสร้างการรับรู้และความเข้าใจเพื่อหวังให้ผู้บริโภคตระหนักและหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ตอกย้ำผลิตภัณฑ์เอสเพียว ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในขั้นตอนการเลี้ยงตั้งแต่วันแรก หรือ RWA (Raised Without Antibiotics) รับรองโดย NSF เป็นรายแรกของโลก ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอาหารสดหมู ไก่ ไข่ ภายใต้แบรนด์เอสเพียวในปี 2561 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17% ในขณะที่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยมเติบโต 10%
ทั้งนี้ สินค้ากลุ่ม RWA ยังถือเป็นสินค้าสำคัญที่ช่วยเปิดตลาดส่งออกอาหารไปยังกลุ่มตะวันออกกลางและตลาดยุโรป ในรูปแบบ OEM และภายใต้ตราสินค้าเอสเพียว ไปยังศฮ่องกงอีกด้วย ส่งผลให้ยอดส่งออกเบทาโกรเพิ่มขึ้น 14% ในขณะที่การส่งออกโดยรวมของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพียง 11%
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทิศทางธุรกิจในปี 2562 มีกิจกรรมหลัก 4 กิจกรรม โดยกิจกรรมแรก เป็นการเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากแคมเปญ ไส้กรอกรมควันในปีที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อแคมเปญใหม่ ไส้กรอกเบทาโกร ชีส ซีรีส์ ความอร่อยที่ใครก็หยุดไม่ได้ โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไส้กรอกชีส 6 รสชาติ 6 สไตล์ เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการของตลาด ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบชีส และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของอาหาร
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าพรีเมี่ยมแบรนด์เอสเพียว จึงออกผลิตภัณฑ์ไส้กรอกพรีเมี่ยมสไตล์โฮมเมดที่ผลิตจากเนื้อหมูเอสเพียว เอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่ใสใจในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้ตนเองหรือครอบครัว โดยเริ่มวางจำหน่าย 6 สาขา รวมทั้งตั้งเป้าขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเอสเพียวผ่าน Antibiotic Free Zone ในร้าน BETAGRO Shop กว่า 49 สาขา และผลักดันสู่ทุกสาขาของร้าน BETAGRO Shop ทั่วประเทศ ในปี 2020 ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปของเบทาโกรถือครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15% มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 15%
สำหรับแนวโน้มตลาดส่งออกปี 2562 เป็นไปในทิศทางที่ดี ตั้งเป้าปริมาณการส่งออกทั้งหมดในปีนี้ กว่า 97,580 ตัน ตั้งเป้าเติบโต 12% โดยผลิตภัณฑ์หลักยังคงเป็นไก่ปรุงสุกแช่แข็ง และไก่สดแช่แข็ง ซึ่งในปีนี้ ยังคงเน้นการทำตลาดสินค้าไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ทั้งภายใต้แบรนด์เอสเพียว และ OEM ไปยังตลาดเอเชีย ได้แก่ ประเทศ ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และยุโรป ในกลุ่มสแกนดิเนเวียร์ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตสินค้าไก่ปรุงสุกเพิ่มขึ้นอีกปีละ 3,000 ตัน เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นซึ่งมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทยมากขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของ Betagro Central Kitchen นวนคร ที่ได้ลงทุนก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมอาหารเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เมื่อปีที่แล้ว ด้วยงบกว่า 750 ล้านบาท วันนี้ พร้อมแล้วที่จะส่งต่ออาหารพร้อมรับประทานที่หลากหลายมากกว่า 1,000 รายการ ใน 6 หมวดสินค้า ผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยกำลังการผลิตรวม 8,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในส่วนของอาหารแปรรูป และพร้อมรับประทานได้อีกราว 17%
อย่างไรก็ตาม งาน THAIFEX : World of Food Asia 2019 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พ.ค.– 1 มิ.ย.นี้ เครือเบทาโกรร่วมออกบูธเพื่อแสดงสินค้าอาหารคุณภาพสูง เปิดโอกาสทางธุรกิจอาหารแก่ผู้ประกอบการต่างๆ บนพื้นที่กว่า 252 ตารางเมตร เนรมิตให้เป็น Butcher & Barn เพื่อให้คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้บริโภคได้สัมผัสกับประสบการณ์รูปแบบใหม่ของแบรนด์เบทาโกร ผ่านโซนนิ่งต่างๆ และไฮไลต์พิเศษ คือการสาธิตวิธีการบรรจุไส้กรอก S-Pure Homemade Sausage และจัดแสดง The Pork Cuts Range โชว์เนื้อหมูสดครึ่งซีกที่ตัดแต่งอย่างสวยงามเพื่อแสดงความสดใหม่อย่างมีคุณภาพ คาดว่าจะสามารถดึงดูดผู้เข้าเยี่ยมชมบูธเป็นจำนวนมาก.