ขยาดหาเสียง! ขึ้นค่าแรงกระโดด

นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคการเมืองหาเสียงเลือกตั้งด้วยการชูนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำว่า ไม่ต้องการให้นำเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาหาเสียง หรือนำมาเป็นนโยบายทางการเมือง เพราะจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่อาจไม่เลือกไทยเป็นฐานการผลิต หรือย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้าน ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไตรภาคี ที่มีตัวแทนของภาครัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง เป็นผู้พิจารณาจะดีกว่า

“ช่วงที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศเป็นวันละ 300 บาท ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านจำนวนหนึ่งแล้ว หลายบริษัทเริ่มทยอยเอาคนงานที่ไม่มีฝีมือออกเพื่อลดต้นทุน ล่าสุดก็มีพรรคการเมืองเริ่มหาเสียงในลักษณะดังกล่าวอีกด้วย การให้ค่าแรงไม่ต่ำกว่าวันละ 400 บาท และอาจจะมีพรรคอื่นๆให้มากกว่านี้ เป็นการปรับขึ้นแบบก้าวกระโดด จะยิ่งทำให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ภาคบริการที่รองรับนักท่องเที่ยว และเกษตรกรต้องเดือดร้อน หรือกิจการเจ๊งหลายราย ผลที่ตามมาคือเศรษฐกิจไทยเสียหายแน่นอน”

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป และรองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พรรคการเมืองไม่ควรนำเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแบบก้าวกระโดดมาหาเสียง เพราะหมายถึงต้นทุนของภาคเอกชน และกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขัน ทั้งของผู้ผลิต ผู้ส่งออก และเกษตรกร โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าจะทำให้ไทยแข่งขันได้ลำบาก ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังอาจมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าจนชาวบ้านเดือดร้อน.