มาทำความรู้จัก โบอิ้ง 737-400 เครื่องบินโดยสารรุ่นเดียวของการบินไทยที่ขึ้นลงสนามบินสมุยได้ และอยู่คู่กับการบินไทยมายาวนานถึง 28 ปี เตรียมปลดประจำการอย่างเป็นทางการ 2 ก.ย.61 นี้ ...
หากจะเอ๋ยถึงเครื่องบินโดยสารซักแบบ ที่อยู่คู่กับการบินไทยมายาวนาน หลายๆ คนอาจคิดถึงโบอิ้ง 747 จัมโบ้เจ็ตราชินีแห่งท้องฟ้า แต่ยังมีอีก 1 ลำที่ถือว่าเป็นตำนานของการบินไทยอย่างแท้จริง ด้วยความที่เป็นน้องเล็กมีขนาด เล็กกระทัดรัด แต่สามารถจุที่นั่งได้ถึง 149 ที่นั่ง แถมยังมีที่นั่งชั้นธุรกิจติดมาด้วยอีก 12 ที่ ใช่แล้วเรากำลังหมายถึงโบอิ้ง 737-400 หนึ่งเดียวที่การบินไทยที่ ขณะนี้ นำมาให้บริการในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพ-สมุย แต่ก็น่าเสียดายที่โบอิ้ง 737 ได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายกับการให้บริการ เพราะวันที่ 2 ก.ย.2561 ที่จะถึงนี้ จะเป็นวันสุดท้ายที่การบินไทยจะให้บริการบินไปสมุยด้วย โบอิ้ง 737 ก่อนจะปลดประจำการอย่างเป็นทางการ ปิดฉากตำนานของเครื่องบินที่เป็นครูให้กับลูกเรือการบินไทยหลายๆ คน
ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับ กัปตันวรกิจ ภูติยานันต์ หัวหน้านักบิน โบอิ้ง 737-400 การบินไทย ที่จะมาให้ข้อมูลถึงเครื่องบินรุ่นนี้กันแบบพูดไปน้ำตาก็ซึมๆ กันทั้งคนถามและคนตอบ
โดย หัวหน้านักบิน โบอิ้ง 737-400 การบินไทย อธิบายว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เป็นรุ่นสุดท้ายในตระกูล 737คลาสสิคที่โบอิ้งสร้างขึ้นมา มันมีประสิทธิภาพสูงกว่า 737 รุ่นก่อนหน้า ด้วยเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ทำให้มีน้ำหนักบรรทุกมากกว่ารุ่นก่อนๆ คือ โบอิ้ง 737-100 737-200 และ 737-300 แต่ด้วยความที่ลำตัวสั้นทำให้น้ำหนักบรรทุก และน้ำหนักเครื่องน้องกว่า 737-800 หรือ Next Generation ที่มีใช้แพร่หลายในปัจจุบัน ถือว่าเป็นเครื่องบินที่พอดีกับทุกการใช้งานในสมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว และแทบทุกสายการบินชั้นนำของโลกได้นำมาให้บริการ
ด้วยการออกแบบของวิศวกรโบอิ้ง ที่ทำให้ 737 เตี้ยติดพื้น ทำให้มันเป็นเครื่องบินโดยสารที่มีบันไดเป็นของตัวเอง เพราะต้องการให้เป็นเครื่องบินที่ทำงานในสนามบินใช้อุปกรณ์สนับสนุนมากนัก ขึ้นลงได้ในทุกที่ เครื่องยนต์ที่อยู่ต่ำทำให้ช่างเทคนิคเข้าตรวจสอบซ่อมบำรุงได้ โดยไม่ต้องขึ้นนั่งร้าน และที่เป็นเอกลักษณ์มาก คือ ฝาครอบเครื่องยนต์ใต้ปีก ที่มีรูปทางเรียกว่า แฮมสเตอร์ เพาช์ คือ จะไม่ได้กลมแบบเครื่องลำอื่น
สำหรับ 737-400 อยู่กับการบินไทยมายาวนานมาก เรียกได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกการเปลี่ยนแปลง โดยเป็นเครื่องบินที่มีขนาดเล็กที่สุดในฝูงบินของการบินไทย และเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยจะต้องเคยโดยสารไปกับ 737 เพราะในตอนนั้น การบินไทยได้นำมาให้บริการบินในหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางหลัก รวมถึงเส้นทางรองที่เปิดใหม่ในตอนนั้น เช่น ลำปาง แพร่ หรือ ตรัง รวมถึงที่หมายในต่างประเทศ เช่น ดานัง และพุทธคยา เป็นต้น
และการที่การบินไทย เปิดเส้นทางบินสมุยได้ ก็ด้วยเพราะข้อดีของ 737-400 ทำให้สามารถขึ้นและลงในท่าอากาศยานสมุยได้ เพราะลำตัวไม่ยาวเกินไป และเครื่องบินมีน้ำหนักไม่มาก ทำให้กลายเป็นเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในลงสนามบินสมุยได้ และการปลดประจำการก็เท่ากับว่าการบินไทยอำลาสมุยด้วยเช่นกัน โดยในวันที่ 2 ก.ย.2561 นี้ จะเป็นการบินเที่ยวสุดท้ายของ คุณกาฬสินธุ์ HS-TDG โบอิ้ง 737-400 ลำสุดท้ายของการบินไทย
มารู้จักความพิเศษ 5 อย่างของ โบอิ้ง 737-400
1.เป็นเครื่องบินชั้นครู เพราะอยู่กับการบินไทยมา 28 ปีนักบินจำนวนไม่น้อยเริ่มต้นชีวิตด้วยเครื่องบินรุ่นนี้
2.เป็นเครื่องบินอเนกประสงค์ที่อยู่รับใช้การบินไทยมายาวนานที่สุด
3.เป็นหนึ่งในรุ่นเครื่องบินโดยสารที่ขายดีที่สุดของโบอิ้ง
4.จุดหมายปลายทางของเที่ยวบินสุดท้าย คือ สมุย อันเป็นสนามบินที่ไม่ค่อยมีใครได้บิน ถือเป็นสนามบินที่มีความท้าทายสูง นักบินต้องใช้ทักษะสูง การที่เอา 737 ไปลงที่สมุยได้ จึงเป็นภาพที่หายาก ไม่ค่อยได้เห็นกัน
5.เป็นเครื่องบินที่มีกระจกห้องนักบินมากที่สุด 10 บาน
ในวันพรุ่งนี้ จะมีอดีตนักบิน และ นักบินผู้ที่เคยผ่านการบินกับ 737-400 รวมทั้งลูกเรือ ช่างเครื่อง แขกผู้มีเกียรติกว่า 700 คนมาร่วมอำลาปิดตำนานเครื่องบินลำนี้ ในฐานะม้างานที่สร้างรากฐานด้านการบิน และทำประโยชน์ให้กับการบินไทยอย่างมากมาย ในวันที่ต้องอำลาท้องฟ้าเมืองไทย จนกว่าที่เราจะได้พบกันใหม่.