ธุรกิจกาแฟ 3 หมื่นล้านคึกคัก “เพซ” เซ็นให้สิทธิกลุ่มเอ็นพีพีจี รับแฟรนไชส์ ดีน แอนด์ เดลูก้า (Dean&Deluca) 5 ปี ตามแผนรุกธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม จากเดิมมีเอแอนด์ดับบลิว อยู่แล้ว
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการลงนามในสัญญาให้สิทธิแฟรนไชส์หลัก ร้านแฟรนไชส์ ดีน แอนด์ เดลูก้าในประเทศไทย ว่า บริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ที่เพซเป็นเจ้าของ ได้ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้สิทธิแฟรนไชส์หลัก กับบริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แต่เพียงผู้เดียว ในการเปิดกิจการร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ดีน แอนด์ เดลูก้า รวมถึงการให้ช่วงสิทธิแฟรนไชส์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ดีน แอนด์ เดลูก้า แก่บุคคลภายนอก เป็นเวลา 5 ปี โดยสามารถต่ออายุสัญญาได้ตามเงื่อนไขในสัญญา
เพซ มีผลประกอบการรายได้ 1,234 ล้านบาท ขาดทุนในในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา 4,087 ล้านบาท มีธุรกิจหลักคืออสังหาริมทรัพย์ ที่เคยลงทุนโครงการขนาดใหญ่ คือตึกสูงที่สุดอย่างโครงการมหานคร แต่เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาเพิ่งขายให้กลุ่มคิง เพาเวอร์มูลค่า 14,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจร้านกาแฟดีนแอนด์เดลูก้านั้น เมื่อเดือน ธ.ค.2557 เพซได้ซื้อกิจการดีน แอนด์ เดลูก้า จากบริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า โฮลดิ้งส์ อิงค์ สหรัฐอเมริกา มูลค่า 140 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4,550 ล้านบาท มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ คูเวต บาห์เรน ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ มาเก๊า ส่วนที่ไทยมี 11 สาขา
สำหรับเอ็นพีพีจี มีธุรกิจหลักคือบรรจุภัณฑ์ ต่อมาได้ขยายธุรกิจลงทุนอาหารและเครื่องดื่ม เช่น เอแอนด์ดับบลิว มิสเตอร์โจนส์ ไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีรายได้ 291 ล้านบาท ขาดทุน 45 ล้านบาท
ปัจจุบันธุรกิจร้านกาแฟในไทย มีแบรนด์ใหญ่ที่ยังคงเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ที่มีสาขามากท่ีสุดคือ อเมซอน ของปตท. 2,200 สาขา รองลงมาคือสตาร์บัคส์มี 335 สาขา โดยธุรกิจกาแฟในไทยมีมูลค่าปีละประมาณ 30,000 ล้านบาท.