พณ.ทวงจีนเซ็นซื้อข้าวล้านตัน หลังสร้างรถไฟไทย-จีนคืบหน้ามาก

"พาณิชย์" ทำหนังสือทวงจีนเซ็นสัญญาซื้อข้าวจีทูจีล้านตันที่ 2 ภายในปีนี้ หลังความร่วมมือก่อสร้างรถไฟไทย-จีนคืบหน้ามาก ส่วนเปิดประมูลขายข้าวสต็อกรัฐเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม 2 ล้านตัน วันที่ 14 และ 15 มิ.ย.นี้ คาดได้ราคาดี หลังผู้ผลิตอาหารสัตว์ต้องการมาก เหตุวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาพุ่ง 

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.61 นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ทำหนังสือถึง National Development and Reform Commission (NDRC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เจรจากับฝ่ายไทยในเรื่องการก่อสร้างรถไฟและนำเข้าสินค้าเกษตรของรัฐบาลจีน เพื่อให้เซ็นสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยอีก 1 ล้านตันภายในปีนี้ หลังจากรัฐบาลนี้ได้ทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับรัฐบาลจีนซื้อข้าวจากไทยแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 2 ล้านตัน และได้ทำสัญญาซื้อขายกันไปแล้ว 1 ล้านตัน ยังเหลืออีก 1 ล้านตัน เพราะขณะนี้โครงการความร่วมมือก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน มีความคืบหน้าไปมาก ดังนั้น รัฐบาลจีนควรทำสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยในส่วนที่เหลือ 

ส่วนการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-1 มิ.ย.61 ส่งออกได้แล้ว 4.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.61% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 มูลค่า 76,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.57% หรือ 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 29.05%

ด้านนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ กล่าวว่า กรมฯ ได้ชี้แจงเงื่อนไขการประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลเพื่อเข้าอุตสาหกรรมครั้งที่ 1/61 ปริมาณ 2.03 ล้านตัน แบ่งเป็น การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน (ข้าวกลุ่ม 2) ปริมาณ 1.49 ล้านตัน และข้าวเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ (ข้าวกลุ่ม 3) ปริมาณ 540,000 ตัน โดยกำหนดจะเปิดให้ดูคลังเก็บข้าวจนถึงวันที่ 8-11 มิ.ย. และให้ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติวันที่ 12-13 มิ.ย. นี้ จากนั้นจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและให้ยื่นซองเสนอราคาของข้าวกลุ่ม 2 ในวันที่ 14 มิ.ย. โดยเปิดซองเสนอราคาในวันเดียวกัน ส่วนข้าวกลุ่ม 3 จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ และเปิดซองเสนอราคาในวันเดียวกัน 

"การเปิดประมูลข้าวเข้าอุตสาหกรรมยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ข้าววนกลับไปสู่การบริโภคปกติ โดยผู้ที่ยื่นซื้อจะต้องนำข้าวไปใช้ตามแผนที่แจ้งไว้ ห้ามนำออกไปใช้นอกเหนือจากที่แจ้งไว้อย่างเด็ดขาด ส่วนราคาที่จะขายได้ น่าจะสูงกว่าการประมูลครั้งที่แล้วที่ขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3 บาทกว่า เพราะความต้องการใช้เพื่อทำอาหารสัตว์มีมาก เนื่องจากขณะนี้ราคาวัตถุดิบอาหารสูงมาก ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง" นายอดุลย์กล่าว.