การสานต่อธุรกิจที่บรรพบุรุษปลุกปั้นมากับมือ แล้วส่งไม้ต่อให้รุ่น ถัดไปเสริมสร้างการเติบโตที่มั่นคง คงเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจฝันและอยากให้เกิดกับธุรกิจของตนเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้นหากรุ่นที่เข้ามาสานต่อมีแนวคิดที่สร้างสรรค์สามารถต่อยอดธุรกิจให้มีความเจริญก้าวหน้า ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ก็ถือเป็นโอกาสที่จะยืนอยู่บนเส้นทางธุรกิจต่อไปได้
Business On My Way สัปดาห์นี้ขอพาท่านผู้อ่านไปรู้จักบุคคลที่รับหน้าที่สืบทอดบริหารต่อธุรกิจจากทางบ้าน “คุณชูศักดิ์ ตั้งเลิศสัมพันธ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มันนี่ คาเฟ่ จำกัด ผู้บริหารโรงรับจำนำมันนี่คาเฟ่ ปิ่นคู่ ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่มารับช่วงต่อ แต่เขาผู้นี้เข้ามา “ต่อยอด” ธุรกิจให้อยู่รอดในสภาวะที่มีการแข่งขันสูง
คุณชูศักดิ์ เล่าว่า ตนเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ที่เข้ามาบริหารงานโรงรับจำนำ ปิ่นเกล้าคู่ขนานลอยฟ้า ที่เปิดให้บริการมากกว่า 40 ปี โดยตอนที่เข้ามาได้ปรับพลิกโฉมโรงรับจำนำใหม่ให้มีความเป็น Lifestyle Pawn Shop ให้มีรูปลักษณ์ทันสมัย พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โรงรับจำนำมันนี่ คาเฟ่ ปิ่นคู่”
“เหตุที่ทำให้มีแนวคิด เปลี่ยนภาพลักษณ์โรงรับจำนำ ของทางบ้านนั้น เพราะเห็นพฤติกรรมลูกค้าที่ไม่กล้าเข้าโรงรับจำนำ เป็นเพราะภาพลักษณ์ ทัศนคติ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถแก้ไขได้ โดย สร้างเซอร์วิสใหม่ๆ และทัศนคติที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลูกค้าเริ่มเข้าใจโรงรับจำนำ ในอีกรูปแบบหนึ่ง และกล้าที่จะเข้ามาหาเรามากขึ้น”
คุณชูศักดิ์ เล่าต่อว่า ด้วยความที่คลุกคลีสั่งสมประสบการณ์การทำงานด้านธุรกิจโรงรับจำนำให้กับครอบครัวมานาน ก็มีความคิดอยากต่อยอดธุรกิจของที่บ้าน โดยอยากจะทำให้เกิดพาร์ตของธุรกิจสินค้าแบรนด์เนมมือสองประเภทอื่นๆ อย่างเช่น กระเป๋า นาฬิกา ฯลฯ
จากนั้นก็ทุ่มเทศึกษาหาข้อมูล กระทั่งไปติดต่อ Brand Off Tokyo (แบรนด์ ออฟ โตเกียว) ร้านซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินค้าแบรนด์เนมมือสองรายใหญ่ของ ญี่ปุ่น ที่มีสาขากว่า 50 แห่งทั่วประเทศ ให้มาเปิดในเมือง ไทย โดยได้จัดทำข้อเสนอรายละเอียดต่างๆยื่นไป ประกอบกับพื้นฐานที่บ้านเป็นธุรกิจโรงรับจำนำ ซึ่งเกื้อกูลและสนับสนุนซึ่งกันและกันกับแนวทางธุรกิจของ Brand Off Tokyo พอดี
“ในที่สุดผมก็ได้มีโอกาสทำธุรกิจ Brand Off Tokyo ที่เมืองไทย โดยใช้ชื่อว่า Brand Off Tokyo by Money Café ซึ่งถือเป็นแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงานที่ต้องการสินค้าแบรนด์เนมในราคาที่คุ้มค่า”
ร้าน Brand Off Tokyo by Money Café ได้ให้ความสำคัญในด้านบริการมาก โดยทางร้านจะมีผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นมาช่วยดูแลทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า ความเป็นมาตรฐานที่ไว้ใจได้ อีกทั้งการจับมือร่วมกับแบรนด์ระดับสากลก็มีข้อดีทำให้เรามีแหล่งในการหาของที่วาไรตี้มากกว่า บวกกับสตอรีอันยาวนานของ Brand Off Tokyo ซึ่งเปิดมานานกว่า 25 ปี อีกทั้ง Brand Off Tokyo ยังอยู่ในสมาคม AACD (The Association Against Counterfeit Product Distribution) สมาคมที่ต่อต้านและป้องกันสินค้าเลียนแบบ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ทั้งเรื่องคุณภาพ ราคา และ สินค้า ที่เป็นของแท้ 100%
สำหรับร้าน Brand Off Tokyo by Money Café ตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ ซอย 3 มีพื้นที่รวม 200 ตารางเมตร รวม 4 ชั้น ตกแต่งร้านด้วยโทนสีดำ ทอง ชมพู โดยในเฟสแรกเปิดให้บริการ 2 ชั้น จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมประเภทกระเป๋า จิวเวลรี และนาฬิกา มากกว่า 600 ไอเทม
นอกจากนี้ ทางร้าน ยังมีการสร้างระบบการรับซื้อสินค้าเฉพาะตัว มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญประจำการตัดสินใจ จัดราคารับซื้อขายสินค้าที่ถูกต้อง มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้า สร้างความเชื่อมั่นในการรับซื้อ โดยสินค้าของ Brand Off Tokyo นั้น มีการแบ่งคุณภาพสินค้าตามการใช้งานอีกด้วย N หมายถึง สินค้ายังใหม่ S หมายถึง สภาพเหมือนใหม่ A หมายถึง ผ่านการใช้งานเล็กน้อย สภาพดี มีรอยบ้าง B หมายถึง สภาพการใช้งานพอควร และ C หมายถึง สภาพการใช้งานมานาน
คุณชูศักดิ์ ได้เล่าปิดท้ายว่า ตนเองมีแนวคิดยึดมั่นในชุดความคิดของ Sharing Economy และ Sharing Happiness เนื่องจากทรัพยากร ในทุกวันนี้มีอยู่อย่างจำกัด จึงมองว่าการใช้สินค้ามือสองทำให้ลดการใช้ทรัพยากร และปริมาณขยะได้ อีกทั้งมองว่า สินค้าแบรนด์เนมมือสองเป็นสินค้าที่คุ้มค่า เพราะต้นทุนความสุข และความพึงพอใจทุกอย่างก็จะถูกแชร์กันไป ถึงที่สุดแล้วก็จะดีกับตัวบุคคล สังคม และโลกต่อไปได้ งานนี้ใครอยากเห็นสินค้าก่อนก็ไปชมที่เฟซบุ๊ก : BrandOffTokyobyMoneyCafe