ยื่นตั้งบริษัทใหม่เดือนเม.ย. พุ่ง 7% ธุรกิจก่อสร้าง มากสุด

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ยื่นตั้งบริษัทใหม่เดือนเม.ย. พุ่ง 7% ธุรกิจก่อสร้าง มากสุด

Date Time: 18 พ.ค. 2561 13:52 น.

Video

“ไทยรัฐ โลจิสติคส์” ถอดคราบ “ยักษ์เขียว” มุ่งสู่ขนส่งครบวงจร | Thairath Money Talk

Summary

  • ยื่นจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่เม.ย. เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ธุรกิจก่อสร้างมากสุด ตามด้วยอสังหาฯ ขนส่ง ร้านอาหาร คาดทั้งปีจดทะเบียน ไม่น้อยกว่า 7.5 หมื่นราย ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ

Latest


ยื่นจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่เม.ย. เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ธุรกิจก่อสร้างมากสุด ตามด้วยอสังหาฯ ขนส่ง ร้านอาหาร คาดทั้งปีจดทะเบียน ไม่น้อยกว่า 7.5 หมื่นราย ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ...

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยสถิติการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนเม.ย. 2561 พบว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศจำนวน 5,120 ราย เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. จำนวน 6,728 ราย ลดลงจำนวน 1,608 ราย คิดเป็น 24% และเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว จำนวน 4,783 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 337 ราย คิดเป็น 7% โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 471 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 293 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 มี 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 126 รายเท่ากัน คิดเป็น 2%

ส่วนมูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนเม.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 36,362 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. จำนวน 25,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 11,107 ล้านบาท คิดเป็น 44% และเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. ปีที่แล้ว จำนวน 21,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 14,530 ล้านบาท คิดเป็น 67%

ขณะที่ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 795 ราย เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. จำนวน 928 ราย ลดลงจำนวน 133 ราย คิดเป็น 14% และเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย. 2560 จำนวน 878 ราย ลดลงจำนวน 83 ราย คิดเป็น 9% โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 72 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 56 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 22 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 เม.ย.61 มีธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ 699,511 ราย มูลค่าทุน 17.55 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 184,942 ราย คิดเป็น 26.44% บริษัทจำกัด จำนวน 513,382 ราย คิดเป็น 73.39% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,187 ราย คิดเป็น 0.17%

สำหรับในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- เม.ย.61) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท จำนวน 25,169 ราย เพิ่มขึ้น จำนวน 1,584 ราย คิดเป็น 7% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย.60) ซึ่งมีจำนวน 23,585 ราย จึงคาดว่าแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในปี 2561 จะมีไม่น้อยกว่า 75,000 ราย ซึ่งสอดคล้องอัตราการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา และประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตที่สะท้อนจากการปรับเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปี 2561 โดยสถาบันชั้นนำของโลก โดยไอเอ็มเอฟ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของไทยเป็น 3.9% จากเดิม 3.5% และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ปรับเป็น 4.0% จากเดิม 3.8%

นอกจากนี้ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ได้ดำเนินการปรับปรุงความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเริ่มต้นประกอบธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเป็นอัตราคงที่ และลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์อีก 30% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 2561 รวมทั้งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการให้ขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคลต่ออีก 1 ปี โดยสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 คาดว่าหากมาตรการมีความชัดเจน จะช่วยผลักดันให้เกิดการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 ราย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์