กังวลเงินบาทแข็ง-การเมือง-ค่าแรงจุกอก
ผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทจดทะเบียน หรือ CEO Survey พบส่วนใหญ่มองเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ 3-4% มีแค่ 20% ที่คาดโตได้สูงกว่า 4% แจงท่องเที่ยว นโยบายการคลังและการใช้จ่ายภาครัฐหนุนโต ขณะที่จับตาความเสี่ยง ค่าบาทที่แข็งค่า เสถียรภาพการเมืองและค่าแรงที่สูงขึ้น
น.ส.สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (CEO Survey) ต่อมุมมองเศรษฐกิจไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีแนวโน้มดีขึ้น โดย 64% คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตอยู่ระหว่าง 3-4% ขณะที่ 20% ของซีอีโอ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตมากกว่า 4% ซึ่งใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 3.6% และ 3.5% ตามลำดับ
โดยมีปัจจัยด้านการท่องเที่ยว นโยบายการคลัง การใช้จ่ายภาครัฐ เสถียรภาพการเมืองในประเทศ และกำลังซื้อภายในประเทศ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 61 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนพบว่า CEO ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นนั้น มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 43% มาอยู่ที่ 77% ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ผู้บริหารให้น้ำหนักมากที่สุดใน 3 ปัจจัย คือ 1.ความผันผวนของค่าเงินบาท 2.เสถียรภาพของการเมืองในประเทศ ที่ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้ง ซึ่งล่าสุดเลื่อนไปเป็นต้นปี 62 แต่ช่วงเวลาที่แน่นอนยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อและเศรษฐกิจ 3.อัตราค่าแรงที่สูงขึ้น หลังปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำมาที่ 308-330 บาท ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ แตกต่างจากการสำรวจครั้งก่อนที่มองว่าความเสี่ยงจะมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว หนี้สินภาคครัวเรือน และเสถียรภาพการเมืองในประเทศ
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 59 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.0025 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนแข็งค่าต่อเนื่องมาอยู่ที่ 32.8472 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 60 หรือแข็งค่าขึ้น 8.76% และแข็งค่าต่อเนื่องในปี 61 โดย ณ 19 มี.ค.61 อยู่ที่ 31.4243 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐฯ หรือแข็งค่าขึ้น 4.33% จากสิ้นปี 60
อย่างไรก็ตาม CEO ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ภาวะอุตสาหกรรม การดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนการลงทุนและการส่งออกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดย 64% ของ CEO ที่ตอบแบบสอบถาม มองว่าอุตสาหกรรมที่ตนดำเนินการอยู่จะปรับตัวดี CEO ส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะดีขึ้น และรายได้ของบริษัทจะเติบโตดีขึ้นจากการคาดการณ์ในการสำรวจครั้งก่อน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่คาดว่ารายได้เติบโตมากกว่า 3% และ CEO จำนวนครึ่งหนึ่งคาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 6%
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 CEO ส่วนใหญ่คาดว่าต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากผลของประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราค่าแรงขั้นต่ำ เช่นเดียวกับราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และสภาพคล่องของบริษัทดีขึ้น นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า CEO ส่วนใหญ่วางแผนจะขยายการลงทุนในปี 2561 ทั้งการขยายการลงทุนในต่างจังหวัดและต่างประเทศ โดยประเทศเป้าหมายการลงทุน ได้แก่ ประเทศในอาเซียน เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ เป็นต้น โดยแหล่งระดมทุนหลัก 3 อันดับแรก คือ สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ กำไรสะสม และการออกหุ้นกู้ภายในประเทศ