นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา นกแอร์ มีรายได้ 14,000 ล้านบาท และขาดทุน 1,900 ล้านบาท แต่เป็นการขาดทุนลดลงจากปี 2559 ที่ขาดทุน 2,600 ล้านบาท และปีนี้ก็จะหยุดปัญหาขาดทุนและมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 3,000 ล้านบาท ทำให้รายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท รวมทั้งจะเพิ่มสัดส่วนการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็น 40% จากเดิม 20% ส่วนในประเทศอยู่ที่ 60% จากเดิม 80%
“สาเหตุที่นกแอร์จะหยุดขาดทุนมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปีนี้ มีการใช้เครื่องบินในฝูงให้เต็มศักยภาพการบิน โดยเพิ่มชั่วโมงการใช้เครื่องต่อวันเพิ่มขึ้นจากเดิมใช้เครื่องบิน 10.4 ชั่วโมงต่อวัน เป็น 12 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้ลดต้นทุนได้ 20% รวมทั้งเพิ่มจุดบินมากขึ้นทั้งในอินเดีย จีน ขณะที่แผนงานเพื่อล้างหนี้ขาดทุนสะสม จะเร่งลดค่าใช้จ่ายที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือกันในไทยกรุ๊ปที่ร่วมกัน 3 สายการบิน คือ การบินไทย, นกแอร์ และไทยสมายล์ ที่ก่อนหน้าได้ร่วมกันใช้สายการบินร่วมกัน”
“ภาพรวมการแข่งขันของตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ในไทยปีนี้ จะมีความคึกคักขึ้นอีก เพราะรัฐบาลส่งเสริมเรื่องการเดินทาง การท่องเที่ยว อีกทั้งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง ที่นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยส่วนแบ่งการตลาด (มาเก็ตแชร์) ของสายการบินในไทย ที่บินในเส้นทางบินในประเทศปีที่ผ่านมานกแอร์มีสัดส่วนเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 20% ไทยแอร์เอเชีย 29% ไทยไลอ้อนแอร์ 17% บางกอกแอร์เวย์ส 12% ไทยสมายล์ 11% เป็นต้น.