พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เปิดเผยว่า ขณะนี้นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ทำหนังสือถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอหารือประเด็นกฎหมายในกรณีการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและระงับข้อพิพาทตามสัญญาสัมปทานของแคท กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ด้วยการนำทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทานมาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างแคทกับดีแทคแล้ว เนื่องจากหลายฝ่ายมีความกังวลว่าจะขัดมาตร 56ของรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนก่อนดำเนินการ
ทั้งนี้ มาตรา 56 ระบุว่า รัฐต้องจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยโครงสร้างหรือโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐ อันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนหรือเพื่อความมั่นคงของรัฐ รัฐต้องเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% โดยในส่วนของแคท ตีความว่า เสาโทรคมนาคมนั้น ไม่ได้เป็นโครงข่ายขั้นพื้นฐาน แต่เมื่อหลายฝ่ายมีความกังวล ก็ต้องส่งฝ่ายกฎหมายตีความ เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคทและดีแทคได้เจรจาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วยการนำทรัพย์สินตามสัญญาสัมปทาน โดยเฉพาะเสาโทรคมนาคมที่มีอยู่ 12,000 ต้น มาแปลงเป็นทุนร่วมกับดีแทค โดยแคทถือหุ้น 49% และดีแทคถือหุ้น 51% เพื่อความคล่องตัวในการให้เช่าเสาโทรคมนาคม และต่อยอดในการให้บริการอื่นๆด้วย ซึ่งจะทำให้แคทมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่หากการร่วมทุนไม่เกิดขึ้น ทางแคทก็จะประสบปัญหาขาดทุนเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยปีนี้คาดว่าจะขาดทุนเป็นปีแรกราว 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ (บอร์ด) และผู้บริหารแคทต่างยืนยันว่า แผนร่วมทุนกับดีแทคนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำให้แคทมีรายได้เพิ่ม และไม่มีปัญหาขาดทุน ซึ่งได้มีการเจรจามานานเกือบ 2 ปี แต่การตัดสินใจจะเดินหน้าหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลตัดสินใจในทิศทางใด แคทก็ต้องยอมรับ เพราะทำดีที่สุดแล้ว.