นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์
สภาหอการค้าฯ จี้นายจ้างใช้แรงงานต่างด้าวผิด ก.ม. รีบมาแจ้งศูนย์ที่เปิดบริการทั่วประเทศ ก่อนหมดเขต 7 ส.ค. ขณะที่กรมการจัดหางาน เผยมีผู้มายื่นคำขอแล้ว 1.1 แสนกว่าราย แต่มาจริงแค่วันละ 700-800 คนเท่านั้น จากที่ตั้งเป้าวันละ 2 พันคน...
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือในการผลักดันให้ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าว เช่น แม่บ้าน, ลูกจ้างตามร้านค้าแผงลอย มาแสดงเจตจำนงในการขอใช้แรงงานต่างด้าวตามที่ระยะเวลากฎหมายกำหนด ซึ่งนายจ้างหรือใครที่ใช้แรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย หรือมีเอกสารอนุญาตทำงานที่ยังไม่ถูกต้อง ให้รีบมาทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 ส.ค. เพราะเชื่อว่ารัฐบาลคงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ที่ผ่านมาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน มีความตั้งใจที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาแรงงานของประเทศไทยอย่างบูรณาการ และพัฒนาแรงงานของประเทศไทยในทุกรูปแบบ ซึ่งคาดหวังว่าในปี 61 รายงานประจำปีของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) จะดีขึ้นตามลำดับ
ขณะที่ นายสมบัติ นิเวศรัตน์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า หลังจากกฎหมายแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ กระทรวงแรงงานได้เปิดศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ มี 11 ศูนย์ โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.-3 ส.ค. พบว่ามีนายจ้างมายื่นคำขอแล้ว 113,374 ราย โดยมายื่นที่ศูนย์ฯ 104,415 ราย และลงทะเบียนออนไลน์ 8,959 ราย เป็นลูกจ้างต่างด้าว 396,390 คน แยกเป็นกัมพูชา 107,504 คน, ลาว 54,144 คน, เมียนมา 234,742 คน
ส่วนประเภทกิจการที่มีการยื่นคำขอสูงสุด 5 อันดับแรก คือ เกษตรและปศุสัตว์ 91,570 คน รองลงมาคือ กิจการก่อสร้าง 77,917 คน, จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 36,667 คน, การให้บริการต่างๆ 28,983 คน และกิจการต่อเนื่องจากเกษตร 25,268 คน โดยจังหวัดที่มีมาแจ้งมากที่สุด 5 อันดับ คือ กรุงเทพฯ 84,957 คน รองลงมาคือ สมุทรปราการ 22,974 คน,ระยอง 19,821 คน, ปทุมธานี 19,571 คน และเชียงใหม่ 16,325 คน
พร้อมย้ำขอให้นายจ้างหรือผู้ใดที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีเอกสารแสดงตน และเอกสารอนุญาตการทำงานอยู่ในปัจจุบันให้รีบมาดำเนินการตามที่กำหนด และย้ำว่าการดำเนินการในรอบนี้ ไม่ใช่เป็นการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรอบใหม่เหมือนเช่นกลุ่มบัตรสีชมพูที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายเปิดจดทะเบียนรอบใหม่แต่อย่างใด รวมทั้งจะไม่มีการขยายระยะเวลาออกไปจากวันที่ 7 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย โดยที่ผ่านมาตั้งเป้าไว้ว่าจะมาวันละ 2 พันคน แต่พบว่ามาจริงๆ แค่วันละ 700-800 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นายจ้างสามารถให้ผู้อื่นยื่นแทนได้ หรือยื่นทางอินเทอร์เน็ต โดยหลักฐานที่ใช้มีเพียงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนนายจ้าง หรือสำเนาหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลกรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคล รูปถ่ายลูกจ้างต่างด้าว ขนาด 2 นิ้ว 3 รูป และแบบคำขอจ้างคนต่างด้าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนัดวัน เวลา เพื่อให้นายจ้างพาลูกจ้างไปตรวจสอบคัดกรองความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง ถ้าพบเป็นนายจ้างลูกจ้างจริง เจ้าหน้าที่จะออกหนังสือรับรองเพื่อไปตรวจสัญชาติแล้วมาขออนุญาตทำงานต่อไป
ในส่วนการตรวจสัญชาติแต่ละสัญชาติจะมีข้อปฏิบัติดังนี้ สัญชาติกัมพูชา ทางการกัมพูชากำหนดเข้ามาตรวจสัญชาติที่ประเทศไทยที่ จ.ระยอง สงขลา และกรุงเทพฯ ในเดือน ส.ค.นี้ โดยจะให้บริการในรูปแบบ One Stop Service (OSS) ส่วนสัญชาติเมียนมา ดำเนินการตรวจสัญชาติในประเทศไทย 6 ศูนย์ 5 จังหวัด คือ สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, เชียงราย, ตาก และระนอง ขณะที่สัญชาติลาว แรงงานจะต้องไปสถานทูตลาวหรือกงสุลลาวประจำประเทศไทย เพื่อขอเอกสารกลับไปประเทศลาวเพื่อทำหนังสือเดินทาง และกลับเข้ามาทำงานแบบ MOU.