เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของคนทุกเจน เปิดแนวคิด ท๊อป จิรายุส ปัญหาเศรษฐกิจผลักคนสนใจสินทรัพย์ดิจิทัล

Business & Marketing

Leadership & Culture

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของคนทุกเจน เปิดแนวคิด ท๊อป จิรายุส ปัญหาเศรษฐกิจผลักคนสนใจสินทรัพย์ดิจิทัล

Date Time: 13 มิ.ย. 2567 20:01 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • รวมประเด็นสำคัญของคุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bitkub จากงาน Thairath Forum 2024 ในหัวข้อ “โอกาสของโลกการเงินในอนาคตของแต่ละ Gen” บนเวทีเสวนา “Talk of the Gens เปิดเวทีความคิด ของคนหลายเจน”

Latest


นอกจากเรื่องของการใช้ชีวิต การทำงาน และความคิดที่แตกต่างของคนในแต่ละเจเนอเรชันแล้ว ยังมีเรื่องของการเงินและการลงทุนที่แต่ละรุ่นก็มีความสนใจไม่เหมือนกัน…

ปัจจุบันเราจะเห็นว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” อย่างเหรียญบิตคอยน์ สเตเบิลคอยน์ หรือกองทุนที่เกี่ยวข้องได้รับความนิยมจากนักลงทุนมากขึ้น ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด แบ่งปันมุมมองในประเด็น “โอกาสของโลกการเงินในอนาคตของแต่ละ Gen” ในเสวนาหัวข้อ “Talk of the Gens เปิดเวทีความคิด ของคนหลายเจน” จากงาน ไทยรัฐฟอรั่ม ครั้งที่  2 ของปี 2024 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567

คนทุกรุ่นหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

จิรายุส กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังอยู่ในช่วงของการก้าวไปเป็น Network State ที่ทุกคนจะสามารถดำเนินชีวิตหรือทำงานด้วยกันจากที่ไหนก็ได้ ด้วยโครงสร้างของโลกที่เปลี่ยนไป ในอนาคตคนจะมี Global Citizenship

ในเรื่องของการเงินและการลงทุน “เรากำลังอยู่ในช่วงของทางเชื่อมที่จะดึงให้ทุกรุ่นทุกวัยหันมาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนั้นแล้วฝั่งสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมก็หันมาทุ่มเม็ดเงินลงในตลาดนี้กันมากขึ้น”

นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงการเติบโตของ Bitcoin ETF และ Ethereum ETF ที่เปิดตัวมาเพียง 2 เดือน ก็สามารถทำลายสถิติเป็น ETF ที่โตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ มีมูลค่าขึ้นไปถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากเทียบกับในอดีต ETF ที่โตเร็วที่สุดต้องใช้เวลาถึง 3 ปี และปัจจุบันจะเห็นว่าทั้ง ฮ่องกง ออสเตรเลีย ต่างก็มาเปิดกองทุน ETF ตามหลังสหรัฐอเมริกาแล้ว

และมองว่า ในอนาคตการทำธุรกรรมข้ามประเทศที่ไม่ใช่เพียงธุรกิจ B2B หรือ B2C แต่รวมไปถึงบุคคลทั่วไปจะมีหันไปสนใจใช้งานสกุลเงินกลุ่มสเตเบิลคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีในการชำระเงินมากขึ้น เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความผันผวนในโลกการเงิน อย่างปัญหาเงินเฟ้อส่งผลให้กำลังซื้อของคนลดลงไป

ทำให้ปัจจุบันนี้ ตลาดนี้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะมีคนเข้ามาในตลาดนี้แล้วกว่า 200-300 ล้านคน อีกทั้งประเทศต่างๆ ก็มีแผนที่จะออกกฎหมายเพื่อการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

ในส่วนของ BitKub ที่ดำเนินการมาเพียง 6 ปี มีลูกค้าแล้วกว่า 5 ล้านราย หากเทียบแล้วมีลูกค้าเทียบเท่ากับตลาดหลักทรัพย์

การลงทุนไม่ได้ยากอย่างที่คิด นักลงทุนต้องไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว

จิรายุส มองว่า นักลงทุนจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ 

  1. กลุ่มนักลงทุนที่เปิดใจ มี Intellectual Humanity ทำตัวไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว ไม่ยึดติดกับการลงทุนแบบเดิมๆ เปิดใจศึกษาการลงทุนรูปแบบใหม่ และพร้อมจะเชื่อว่าการลงทุนนี้จะเป็นประโยชน์ในด้านการเงิน ต่อไปในอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

  2. กลุ่มที่ใช้งานคริปโตเคอร์เรนซีโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากคนที่ใช้งานบริการทางการเงินในปัจจุบันแทบจะไม่รู้เลยว่าระบบหลังบ้านของการทำธุรกรรมคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น ในอนาคตเราอาจจะสามารถจ่ายเงินกับร้านค้าด้วยบิตคอยน์ ซึ่งระบบก็จะมีการแปลงอัตโนมัติไปเป็นสกุลเงินบาท โดยที่ทางลูกค้าก็ไม่ต้องมารับความเสี่ยงเรื่องของราคา และแม่ค้าก็จะไม่รู้เลยว่าลูกค้าจ่ายด้วยอะไร แต่ในท้ายที่สุดแม่ค้าจะได้รับเป็นเงินบาทมาแล้ว และในอนาคต เราอาจจะสามารถโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารที่ไทยไปที่อังกฤษ โดยใช้เวลาในการทำธุรกรรมเพียงไม่กี่นาที พร้อมกับมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำลง จุดนี้ผู้ใช้จะไม่รู้เลยว่า ระบบหลังบ้านจะเอาไปแปลงเป็นคริปโตเคอร์เรนซี

“คนที่ไม่ลงทุนเลยมีความเสี่ยงกว่าคนที่ลงทุน เพราะปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้เราเห็นเทรนด์ชัดเจนว่าคนไม่ลงทุนจะเสียเปรียบด้านกำลังซื้อ (Purchasing Power) แต่คนที่ลงทุนก็จะต้องเข้าใจเรื่องการจัดการและรู้จักที่จะกระจายความเสี่ยง” จิรายุสกล่าว

ไม่ต้องมองตลาดไกลตัว เพราะอาเซียนกำลังจะเข้าสู่ยุคทองของการลงทุน

อีกหนึ่งคำแนะนำที่จิรายุสได้พูดคุยในประเด็นวันนี้คือเรื่องของ “แหล่งลงทุน” โดยเขามองว่า อาเซียนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองของการลงทุน ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่หลังการระบาดของโควิด-19 ประเทศอาเซียนคือกลุ่มที่ไม่ได้เกิดข้อขัดแย้งทั้งทางการเมืองหรือสงคราม ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาดังกล่าว 

นอกจากนี้ ประเทศในอาเซียนยังแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อผลักตัวเองไปเป็นศูนย์กลาง (Hub) ในด้านต่างๆ ทั้งด้านดิจิทัล ด้านความยั่งยืน และด้านนวัตกรรม

“จะมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เป็นมูลค่าที่เราคาดไม่ถึงหลั่งไหลเข้ามาในตลาดอาเซียน เพราะฉะนั้น นักลงทุนอย่าไปมองที่ตลาดไกลตัว” จิรายุส กล่าว


ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ