ผลสำรวจเผย ปี 2566 การทำงานแบบไฮบริด จะกลายเป็นความคาดหวังของพนักงาน โดยพนักงานที่มีทักษะสูงทั่วโลกจะมีลักษณะการทำงานแบบไฮบริดถึง 39%
Gartner ระบุว่า นายจ้างจำเป็นต้องออกแบบการทำงานที่คำนึงถึงพนักงานเป็นสำคัญ จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กร นอกจากนี้พื้นที่ทำงานเสมือนจริง จะเข้ามาเป็นเครื่องช่วยลดช่องว่างการทำงานระยะไกล พร้อมสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบใหม่
ในปี 2565 หลังมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิดคลี่คลาย พนักงานจำนวนมากทยอยกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ อย่างไรก็ตามรูปแบบการทำงาน Hybrid ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 หลายประเทศมีสัดส่วนการทำงานแบบ Hybrid และ Fully Remote เพิ่มขึ้น และแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
พนักงานกลุ่ม Hybrid Workers ที่มีการทำงานแบบไฮบริด คือ ผู้ที่เข้าทำงานในสำนักงานอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ ส่วนพนักงานกลุ่ม Fully Remote Workers คือ ผู้ที่ทำงานที่บ้านตลอดเวลา และพนักงานกลุ่ม On-Site Workers คือ พนักงานที่เข้าทำงานในสำนักงานเต็มเวลา
ทั้งนี้ นายจ้างควรสร้างนโยบายการทำงานที่ เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centric Work Design) เพิ่มความยืดหยุ่นและการมีส่วนร่วมในงาน และสนับสนุนการทำงานแบบไฮบริด เพราะปัจจุบันการทำงานแบบไฮบริดกลายเป็นความคาดหวังของพนักงาน
ยกตัวอย่าง บุคลากรไอที มีแนวโน้มลาออกมากกว่าบุคลากรในสายงานอื่นๆ เนื่องจากพวกเขาต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น ผู้บริหารบริษัทด้านไอทีสามารถรักษาและดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ โดยการให้ความสำคัญกับสไตล์การทำงานที่พนักงานต้องการ
นอกจากนี้ พื้นที่ทำงานเสมือนจริง (Virtual Workspaces) จะช่วยเพิ่มเติมเต็มการมีส่วนร่วมของทีมงาน โดยไม่ต้องคำนึงถึงอุปสรรคด้านสถานที่และการเดินทาง สร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้พนักงาน เช่น การใช้พื้นที่นี้สำหรับการประชุมและการสร้างปฏิสัมพันธ์เพื่อพัฒนาศักยภาพให้กับตนเอง อาทิ การระดมไอเดียต่างๆ (Brainstorming) การทดสอบผลิตภัณฑ์ (Product Reviews) หรือ การพบปะทางสังคม (Social Gatherings)
โดยผลสำรวจระบุว่า พนักงานถึง 10% จะใช้พื้นที่เสมือนจริงสำหรับทำกิจกรรมต่างๆในการทำงาน อาทิ การขาย การเตรียมพร้อมสำหรับพนักงานใหม่ และการทำงานจากระยะไกล ภายใน 2 ปีนี้.