เปิดวิสัยทัศน์ “ยงยุทธ” กับแบรนด์ “สโคป” คอนโด Super Luxury มาตรฐานระดับโลก

Business & Marketing

Executive Interviews

Content Partnership

Author

Content Partnership

Tag

เปิดวิสัยทัศน์ “ยงยุทธ” กับแบรนด์ “สโคป” คอนโด Super Luxury มาตรฐานระดับโลก

Date Time: 30 ก.ค. 2567 15:01 น.
Content Partnership

Summary

  • สัมภาษณ์พิเศษ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ผู้คว่ำหวอดและได้รับการยอมรับในวงการอสังหาริมทรัพย์มามากกว่า 30 ปี ที่ปัจจุบันมุ่งเน้นพัฒนา เฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ที่เป็น International Premium ได้ให้มุมมองถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury ในปัจจุบัน ไว้น่าสนใจ

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยข้อมูล บ้าน และ คอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง กำลังเผชิญกับตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อในอัตราที่สูงขึ้น แต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์ระดับบน โดยเฉพาะ คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury หรือ Ultimate เซกเมนต์ กลับยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมือง ย่านโดยรอบศูนย์กลางเศรษฐกิจ (CBD) ของมหานครกรุงเทพฯ กลับมีความต้องการซื้อสูง จากผู้มีความมั่งคั่ง คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกหลานเจ้าของกิจการ และตระกูลนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจของไทย รวมทั้งบรรดามหาเศรษฐี นักธุรกิจชาวต่างชาติ ต่างต้องการมี "บ้าน" บนทำเลทองใจกลางกรุงเทพมหานคร!! ที่ถือเป็นหนึ่งใน Global Property มหานครของโลก ที่เป็นหมุดหมาย ที่ผู้มีความมั่งคั่งนักธุรกิจชั้นนำของโลกต้องการมาใช้ชีวิต

“ทีมข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ผู้คว่ำหวอดและได้รับการยอมรับในวงการอสังหาริมทรัพย์มามากกว่า 30 ปี ที่ปัจจุบันมุ่งเน้นพัฒนา เฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ที่เป็น International Premium ได้ให้มุมมองถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury ในปัจจุบัน ไว้น่าสนใจ

ต้องการซื้อคอนโดในเมืองเป็นบ้านหลังแรก

โดย “ยงยุทธ” เปิดการสนทนาว่า สำหรับผมมองเรื่องของ Product เป็นสำคัญ เพราะหลังวิกฤติโควิด ผู้คนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ต้องการกลับไปอยู่บ้านเดี่ยวนอกเมืองเยอะขึ้นในช่วงแรก ทำให้ช่วงนั้นบ้านขายดี แต่พอทุกอย่างเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ธุรกิจเริ่มกลับมา ผู้คนใช้ชีวิตปกติ ความต้องการที่อยู่อาศัยของคนที่มีกำลังซื้อเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมจะลงทุนหรือซื้อคอนโดมิเนียม ให้เป็นบ้านหลังที่ 2 โดยมีบ้านใหญ่อยู่นอกเมือง และมาอยู่คอนโดมิเนียมในเมือง ที่ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูก เพื่อพักในวันทำงานและกลับไปอยู่บ้านช่วงวันหยุด

แต่ปรากฏว่า เมื่อกลับไปอยู่บ้านนอกเมืองแล้ว มีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างหายไป โดยเฉพาะเรื่องไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน สถานบันเทิง และคอมมูนิตี้ที่ไม่หลากหลายเหมือนในเมือง ที่สำคัญคือการเดินทาง ที่ยังต้องใช้เวลานาน จึงพบว่าคนรุ่นใหม่นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในเมือง เป็น “บ้านหลังแรก” ที่เป็นที่อยู่อาศัยระยะยาวได้จริงๆ

อันนี้คือสิ่งที่แปลกใหม่ จากเดิมที่จะเห็นคอนโดฯ ในเมืองห้องเดี่ยวขนาด 27 หรือ 30-35 ตารางเมตรขายดีเป็นที่ต้องการ แต่ปัจจุบันมีความต้องการคอนโดฯ ที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้น มี 2-3 ห้องนอน อยู่เป็นครอบครัวได้ และมีพื้นที่ส่วนกลางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต ที่หลากหลายรูปแบบ และผู้บริโภคจะยอมจ่ายเพื่อซื้อ “บ้านหลังแรก” ในงบหรือราคาที่สูงขึ้น ทำให้ Product คอนโดฯ เปลี่ยนไป โดยต้องตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตสมัยใหม่

“คอนโดมิเนียมยังถือเป็นการลงทุนที่ดี สามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ แต่มีข้อจำกัดว่า ต้องมีโลเคชันดี ใกล้โรงเรียนมหาวิทยาลัยใกล้ที่ทำงาน หรืออยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ (CBD) จะสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาสูง หรือหากขายต่อราคาก็ไม่ตก แต่มีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้นจากราคาที่สูงขึ้น”

“ยงยุทธ” ยกตัวอย่าง โครงการ “สโคป ทองหล่อ” ที่อยู่กลางเมืองบนถนนสุขุมวิทระหว่างสุขุมวิทซอย 38 ถึง 36 ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ ที่สร้างเป็นตึกสูง 32 ชั้น ความพิเศษของ “สโคป ทองหล่อ” คือมียูนิตที่ขายเพียง 18 ชั้น หรือ 18 ยูนิตเท่านั้นหรือ 1 ฟลอร์ ต่อ 1 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด มีบริการลิฟต์ส่วนตัวห้องละ 2 ตัว เราขายความเอ็กซ์คลูซีฟ ในราคาเริ่มต้นเพียง 200 ล้านบาทต่อยูนิต

โดยชั้น 1 ถึงชั้น 9 และชั้นบนสุดของโครงการ พัฒนาเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด โดยมีการออกแบบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ให้กับการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่พิเศษสุด ชนิดหาที่ไหนไม่ได้ วัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม ครบถ้วนของการใช้ชีวิตแบบ Luxury ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งสร้างความสะดวกสบายให้กับการอยู่อาศัยร่วมของคนในครอบครัวที่ต่างเจนต่างวัยได้อีกด้วย

สร้าง International Premium รองรับต่างชาติ

“ยงยุทธ” ยังกล่าวถึงความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับ Hi-end ของนักธุรกิจชาวต่างชาติว่า ต่างชาติที่เข้ามามีหลากหลายเชื้อชาติ สิ่งที่เราต้องทำ คือการยกระดับมาตรฐานการออกแบบการก่อสร้าง วัสดุตกแต่งต่างๆ ที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งสอดคล้องกับ DNA ของความเป็น “สโคป” อยู่แล้ว ที่ต้องการกลุ่มเป้าหมายที่เป็น International Premium เพื่อให้มีที่ยืนในตลาดหรือในเวทีระดับโลก

อย่างโครงการ “สโคป หลังสวน” (SCOPE Langsuan) ซึ่งตั้งอยู่บนโลเคชันที่แพงที่สุดในประเทศไทย อยู่ใจกลาง CBD ย่านธุรกิจชั้นนำ บนหัวมุมถนนหลังสวนด้านถนนสุขุมวิท ใกล้ห้างหรูเซ็นทรัลชิดลม และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม ที่รายล้อมรอบด้วยโรงแรมระดับ 5-6 ดาว และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้ง Central Embassy และ Siam Paragon 

ที่สำคัญ “สโคป หลังสวน” ตั้งอยู่บนที่ดินผืนที่ดีที่สุด ที่เป็น Freehold ที่มีอยู่ไม่กี่ผืนบนถนนหลังสวน และแทบไม่มีเหลือแล้ว ดังนั้นราคาที่ดิน จึงมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยจากสถิติราคาที่ดินทำเลทองใจย่าน CBD บนถนนสุขุมวิทและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ ย้อนหลัง 10-20 ปีที่ผ่านมา ราคาประเมินและราคาซื้อขายขยับขึ้นทุกปี!!

“ยงยุทธ” บอกว่า นอกจากนี้ ขนาดของห้องที่ “สโคป หลังสวน” จะไม่เหมือนที่อื่น เน้นเป็นขนาด International Standard ที่ห้องแบบ 1 ห้องนอน มีเนื้อที่เริ่มต้นที่ 84 ตารางเมตรต่อยูนิต ขายในราคา 40-50 ล้านบาท และขนาด 2 ห้องนอน มีเนื้อที่เริ่มต้น 154 ตารางเมตร ราคา 80-100 ล้านบาท เราจับตลาดบน ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดของโครงการ โดยทุกห้องมีลิฟต์ขึ้น-ลงส่วนตัว ขณะที่ภายในห้องยังโปร่งสบายด้วยเพดานสูงจากพื้นมากกว่า 3.5 เมตร ให้ความโอ่อ่าในแง่ของสเปซ สามารถเทควิวพาโนรามาของกรุงเทพมหานครได้อย่างเต็มที่

“สโคป หลังสวน” ยังเป็นคอนโดฯ หรูดีไซน์ระดับโลก ที่ได้ “โทมัส ยูล-ฮันเซน” ดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก ซึ่งเป็นผู้ออกแบบคอนโดฯ ที่แพงที่สุดของเมืองนิวยอร์ก มาเป็นที่ปรึกษาออกแบบโครงการทั้งภายนอกและภายใน ทำให้ห้องชุดในโครงการนี้เปรียบเหมือนงานศิลปะ ที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นตามกาลเวลา โดย “สโคป หลังสวน” เป็นผลงานที่ดีที่สุดงานหนึ่งของ โทมัส ยูล-ฮันเซน เพราะโดดเด่นด้วยความประณีตทั้งด้านดีไซน์ฟังก์ชัน และการคัดสรรองค์ประกอบ สมฐานะความเป็นโครงการระดับ Crown Jewel สะท้อนไลฟ์สไตล์และรสนิยมความหรูหราของผู้อาศัย

นอกจากนี้ ยังมอบพื้นที่ส่วนกลางที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้าน และมีการบริการเหมือนโรงแรมระดับ 5-6 ดาว จากพนักงาน ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ กว่า 70% ของโครงการ “สโคป หลังสวน” ขายได้หมดแล้ว ซึ่งมีตระกูลนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงชาวไทย และต่างชาติเข้ามาเป็นลูกบ้าน

ล่าสุด “สโคป หลังสวน” ได้สร้างสถิติ เคาะราคาขาย ห้อง ‘เพนต์เฮาส์’ ระดับ ULTIMATE CLASS ขนาด 436 ตารางเมตร (ตร.ม.) ไปในราคา 436 ล้านบาท หรือ ราคาต่อ ตร.ม. เฉียด 1,000,000 บาท ให้กับเศรษฐีนักธุรกิจต่างชาติ ซึ่งน่าจะเป็นเพนต์เฮาส์ที่ราคาต่อตารางเมตรแพงที่สุดในประเทศไทย!!

โลเคชันดี-ออกแบบดี-บริหารดี

เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการพัฒนา “สโคป หลังสวน” คือ “โลเคชันดี ออกแบบดี บริหารดี” ซึ่ง “สโคป หลังสวน” นอกจากมีโลเคชันอยู่ใจกลาง CBD และการทุ่มเทจ้างสุดยอดนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญคือ ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ภายหลังจากที่ลูกค้าหรือลูกบ้านเข้ามาอยู่อาศัยแล้ว

เราจึงมีบริษัท ‘ACQUA’ ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เหมือนนิติบุคคล เข้ามาบริหารจัดการ โครงการที่เป็นแบรนด์ของ “สโคป” เอง เพราะปกติโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างจากโรงแรม โรงแรมมีเจ้าของดูแลให้ได้มาตรฐาน แต่คอนโดมิเนียมขายไปแล้วไม่ได้ถูกบริหารโดยดีเวลลอปเปอร์หรือผู้พัฒนาโครงการ แต่สิ่งที่เราต้องการ คือการบริหารจัดการ การดูแลโครงการ ให้มีมาตรฐานระดับ Luxury ตามที่เราได้โฆษณาไว้ เพราะอย่าลืมว่า ลูกค้ามาซื้อโครงการ เพราะสิ่งที่เรานำเสนอให้บริการเหล่านี้ด้วย

“เรากำลังเปลี่ยนเทรนด์ผู้อยู่อาศัย สิ่งที่เราคิดคือการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางและการให้บริการ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากการออกแบบตกแต่ง อย่างมีรสนิยมด้วยดีไซน์จากสถาปนิกระดับโลกและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว”

บริการส่วนกลางระดับ 6 ดาว 24 ชั่วโมง

พื้นที่ส่วนกลาง ยังเพียบพร้อมไปด้วย พื้นที่ที่สร้างความสุขตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตระดับลักชูรี่ที่ดีที่สุดของลูกบ้านในทุกมิติ นอกจากมีห้อง Fitness สระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า และห้องออนเซ็นส่วนตัวแล้ว ยังมีห้องสันทนาการ โรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่ใช้เครื่องเสียงชั้นดี รับแขกได้ถึง 25 คน มีห้องซ้อมดนตรี ห้องพักผ่อน ห้องรับแขก ที่มีเครื่องทำกาแฟที่มีชื่อเสียงและมาตรฐานดีที่สุดในโลกไว้ให้บริการ มีห้องจัดเลี้ยง ไวน์เซลลาร์ และห้องประชุม ที่สามารถทำงานหรือนัดหมายมาเจรจาธุรกิจกันได้ตลอดเวลา โดยมี Concierge Service ที่คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังมีบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก (Housekeeping) อาทิตย์ละ 3 ครั้ง จากพนักงานประจำของเราที่ผ่านการฝึกฝนและอบรมมาอย่างดี ไม่ต้องมีแม่บ้านจากข้างนอกเข้ามา เพื่อความปลอดภัย และยังมี Zoneให้บริการสำหรับสัตว์เลี้ยง มีคนรับฝากดูแล อาบน้ำ ตัดขนสัตว์เลี้ยง ที่เป็นมืออาชีพ รวมทั้งมีห้องเก็บของไพรเวท ให้ลูกบ้านไว้ให้บริการด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการ Valet Parking Service ให้กับลูกบ้าน จากพนักงานที่มีความเป็นมืออาชีพดูแลลูกค้าระดับวีไอพี ทั้งหมดนี้ มีพนักงานพร้อมให้บริการตลอด 24ชั่วโมง

“ยงยุทธ” บอกว่าเรา “นำปัญหาของลูกค้ามาเป็นปัญหาของเรา” เพื่อแก้ปัญหาและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน ทำให้ลูกบ้านอยู่อย่างมีความสุขและสบายใจ จากสโลแกน Life at its Finest จะทำอะไรก็ทำให้ Finest ดีที่สุด เรามีระบบเข้ามาบริหารจัดการออกแบบ การอยู่ การกิน การพักผ่อน การทำงาน ให้ดีที่สุด Luxury ที่สุด เพื่อให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอยู่ในนี้ได้อย่างมีความสุข และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการอยู่อาศัย

เรียลเอสเตทที่ดี ยิ่งยาวยิ่งมีกำไร!!

“ยงยุทธ” ยังเล่าถึง สาเหตุที่เขาทุ่มเทให้กับการพัฒนาโครงการ “สโคป หลังสวน” โดยยอมทุ่มให้ราคาประมูลที่ดินผืนนี้ ด้วยราคาสูงถึงตารางวาละ 3 ล้านบาท เพราะว่า สโคป คือ ซุปเปอร์ลักชูรี่ ที่ผืนงามอย่างนี้ปัจจุบันหายากและไม่มีอีกแล้ว ทำให้เรามั่นใจว่า มูลค่าราคาที่ดินจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ส่งผลให้มูลค่าของคอนโดฯ “สโคป หลังสวน” มีโอกาสสูงขึ้นตามไปด้วย

ราคาที่ดินบนถนนสุขุมวิทขยับสูงขึ้นทุกปี หลังการซื้อขายที่ดินของสถานทูตอังกฤษ ย่านเพลินจิต ที่เคาะราคาขายกันตารางวาละ 1 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นราคาซื้อขายที่สูงที่สุด แต่มาวันนี้ ราคาที่ดินในย่านนี้ โดยเฉพาะตั้งแต่ "หลังสวน-ชิดลม-ถนนวิทยุ" ราคาวิ่งขึ้นมา เฉลี่ยอยู่ที่ตารางวาละ 2 ล้านบาทแล้ว โดยเฉพาะบนถนนหลังสวน ราคาขึ้นไปกว่า 3 ล้านบาทต่อตารางวา ที่สำคัญแทบไม่เหลือที่ดินผืนงามให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หยิบมาพัฒนาได้อีกแล้ว ทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ ถือเป็น Rare item!! ทำให้เราทุ่มลงทุนสร้างคอนโดฯ ระดับ Super Luxuryได้อย่างเต็มที่ และสามารถเสนอขายได้ในราคาคุ้มค่าสมราคา เพราะเป็นที่ต้องการสูง ทำให้มูลค่าโครงการมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกทุกปี

เห็นได้จากตอนเริ่มเปิดขายโครงการ “สโคป หลังสวน” วันแรก ราคาขายเฉลี่ยอยู่ตารางเมตรละ 490,000บาท แต่ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตารางเมตรละ 650,000 บาทขึ้นไป และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่า นอกจากการซื้อเพื่อเป็นบ้านอยู่อาศัยแล้ว ยังมีการซื้อเพื่อการลงทุน และปล่อยเช่าในห้องที่มีขนาด 2 ห้องนอนขึ้นไป ซึ่งถือเป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมาก

“ตลาดลักชูรี่ เหมือนแฟชั่นแบรนด์ไฮเอนด์ เราขายของให้กับคนที่มีความต้องการ มีความสามารถจ่ายได้ในราคาสูง ดังนั้นของที่ออกมาก็ต้องมีเป้าหมายกับผู้ซื้อ ที่ต้องการ อินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม เราทำการบ้านเยอะ เห็นโอกาสของโลเคชันตรงนี้ ทำให้ยอมซื้อที่ดินในราคาสูง และลงทุนจ้างที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ออกแบบทั้งภายนอกและภายใน เพราะมั่นใจว่าโลเคชันสร้างราคาขึ้นไปได้ เรามีความพร้อมที่สุดทั้งโลเคชัน การออกแบบ และบริการ ที่ Super Luxury ที่สุด มันคือดีเอ็นเอของสโคปโดยเฉพาะ เพราะเราอยากมีที่ยืนบนเวทีโลก ที่ต้องทำให้ "the longer, the better" เรียลเอสเตทที่ดี ยิ่งยาวยิ่งมีกำไร!!” ยงยุทธทิ้งท้าย

ตอกย้ำคำกล่าวของโทมัส ยูล-ฮันเซน ให้เคยให้สัมภาษณ์กับ The Cloud ว่า “ผมไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อน นั่นทำให้ผมต้องทำการบ้านถึงสิ่งที่คนไทยต้องการ และผมก็พบว่าความต้องการของคนไทยเป็นเรื่องเดียวกับที่คนนิวยอร์กหรือคนลอนดอนต้องการ

และวิสัยทัศน์ของคุณยงยุทธที่กระตุ้นให้ผมและทีมงานทำสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากลูกค้าโครงการอื่น ที่เน้นประหยัดงบ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ โครงการนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ ซึ่งสูงสุดเท่าที่ผมเคยทำงานมา สูงกว่าหลายเจ้าที่เคยทำในนิวยอร์ก เมื่ออาคารแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ ไม่เพียงแค่ในกรุงเทพฯ แต่กับวงการคอนโดมิเนียมทั่วโลก ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ สู่การตระหนักในการสร้างคุณภาพชีวิตผ่านดีไซน์ และแนวความคิดนี้จะถูกกระจายออกไปทั่วโลก จนกลายเป็นมาตรฐานระดับสากลในที่สุด”


Author

Content Partnership

Content Partnership