ภูเก็ตบูม! “ล่องเรือหรู” ไลฟ์สไตล์มาแรง ดัน “ท่าจอดเรือ” รับทรัพย์ อยากจะเป็น “ฮับ” ต้องแตกต่าง

Business & Marketing

Executive Interviews

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ภูเก็ตบูม! “ล่องเรือหรู” ไลฟ์สไตล์มาแรง ดัน “ท่าจอดเรือ” รับทรัพย์ อยากจะเป็น “ฮับ” ต้องแตกต่าง

Date Time: 30 มี.ค. 2567 11:00 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • "ภูเก็ต" เมืองฮอต สวรรค์บนผืนดิน-ถิ่นน้ำ ของบรรดานักท่องเที่ยว "ล่องเรือหรู" ไลฟ์สไตล์มาแรงอันดับหนึ่ง Thairath Money สัมภาษณ์พิเศษ พูดคุยกับ “กูลู ลัลวานี” เจ้าพ่อแห่ง รอยัล ภูเก็ต มารีน่า (RPM) ท่าจอดเรือยอชต์ชั้นนำ ที่เปรียบเสมือนประตูสู่อ่าวพังงาและทะเลอันดามัน ทำอย่างไร? หากอยากจะเป็น "ฮับ" ขณะที่ความลักชัวรี่ต้องมา เทรนด์อีโคก็ต้องมี เมื่อพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนเราก็ต้องปรับตัว

หากจะเอ่ยว่า “ภูเก็ต” เป็นบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติ ก็คงไม่ผิดเพี้ยน เพราะนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น จำนวนคนที่พำนักพักอาศัยในระยะยาว และกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการจองห้องพัก-โรงแรม ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก็ดูเหมือนกับว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบิน ค่าครองชีพ อสังหาริมทรัพย์ร้อนแรงไม่แพ้กรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ จนทำให้ใครๆ ต่างก็ขนานนามว่า เมืองไข่มุกแห่งอันดามัน สวยตรึงใจระดับ World Class “ไม่เริด ไม่ไฮ ไม่มีเงิน เที่ยวภูเก็ตไม่ได้นะจ๊ะ”

ทั้งนี้ข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยว 2 เดือนแรกของปี 2567 จาก ท่าอากาศยานภูเก็ต ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตแล้ว 1,036,667 คน เติบโตจากจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า 27% ซึ่ง 10% ของจำนวนนี้เดินทางมายัง รอยัล ภูเก็ต มารีน่า โดยเป็นต่างชาติ 98% รัสเซียเป็นอันดับหนึ่งตามมาด้วย USA และจีน ส่วนอีก 2% คือนักท่องเที่ยวชาวไทย 

นั่นจึงทำให้ ผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพฯ และในพื้นที่ต่างพากันเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก และหลายโครงการสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว นั่นจึงทำให้ใครๆ ต่างก็หมายปองที่จะเข้ามาปักธงชิงทำเลทอง ยึดหัวหาดสร้างพอร์ตรายได้ 

แต่กระนั้นการที่จะเข้าไปแข่งขันในสมรภูมินี้เห็นจะไม่ง่ายนัก เพราะมีนักพัฒนาที่ดินท้องถิ่นรายใหญ่ๆ ประกอบกับเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์หลายราย ต่างจับจองทำเลฮอตไปแล้วทั้งสิ้น หากไม่มีดีอยู่พอตัว ก็คงจะต้องอาศัยของที่มีอยู่ในมือ เพื่อสร้างความแตกต่างและช่วงชิงกำลังซื้อนั้นมาให้ได้ 

“ฮับ” ของคนปรารถนาความลักชัวรี่

โอกาสนี้ #Thairath Money ได้สัมภาษณ์พิเศษกับ “กูลู ลัลวานี” เจ้าพ่อแห่ง รอยัล ภูเก็ต มารีน่า (RPM) ท่าจอดเรือยอชต์ชั้นนำ ที่เปรียบเสมือนประตูสู่อ่าวพังงาและทะเลอันดามัน ลัลวานี ฉายภาพว่า รอยัล ภูเก็ต มารีน่า มีพื้นที่ทั้งหมด 185 ไร่ มูลค่าที่ดิน อยู่ที่ 6,400 ล้านบาท โดย RPM มีเกาะอยู่รอบๆ กว่า 32 เกาะ เสมือนเป็นฮับของภูเก็ตเลยก็ว่าได้ 

ซึ่งนอกจากจะมีบริการที่จอดเรือแล้ว ยังมีที่พักระดับ 5 ดาว ตั้งแต่อพาร์ตเมนต์ เพนต์เฮาส์ ไปจนถึงวิลล่าและอวามิเนียม (ที่พักพร้อมท่าจอดเรือส่วนตัว) โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ท่าจอดเรือ 60% โดยมีที่จอดเรือมากถึง 250 ลำ, เรสสิเดนท์ 30% และ 20% เป็นรีเทลที่มีออฟฟิศ ธุรกิจเรือ และร้านอาหาร โดยตอนนี้เรสสิเดนท์นั้น Sold out หมดแล้ว มีบางยูนิตที่เป็น Resale ซึ่งตอนนี้ผู้ที่อยู่อาศัยรวมๆ 6 พูลวิลล่า ราคาเริ่มต้นที่ 165 ล้าน ส่วนคอนโดฯ 81 ห้อง เริ่มต้นที่ 154 ตารางเมตร เริ่มต้นที่ 13.5 ล้านบาท ไปจนถึง 872 ตารางเมตร ที่เป็นเพนต์เฮาส์ ทั้งนี้ในพื้นที่แห่งนี้มีการพัฒนาเพียงแค่ 30% แต่ยังเหลืออีก 70% ที่ยังรอรับการพัฒนา 

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการต่อวันจะอยู่ที่ 1,800-2,000 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปทัวร์ และ FIT ปัจจุบันมีบริษัททัวร์ พาร์ตเนอร์ 8 บริษัท ส่วน Yacht Charter Business มี 3 ราย 

“เรือ” อีกเทรนด์หนึ่งของตลาดลักชัวรี่มาแรง ! 

“ผู้ประกอบการธุรกิจเรือมีกำลังจ่าย เนื่องจากมีค่าจอด ค่าบำรุงรักษา ทำให้เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเรือถือเป็นลักชัวรี่โปรดักต์ที่ไม่มีภาษีนำเข้า ไม่เหมือนซุปเปอร์คาร์ และ 4-5 ปีที่ผ่านมีคนไทยนำเข้ามามากขึ้น โดยเรือทั้งหมดใน RPM 50% คนไทยเป็นเจ้าของ”

ทั้งนี้ค่าจอดเรือของ RPM ถือได้ว่าราคาถูกสุดเมื่อเทียบกับในภูมิภาคอย่าง สิงคโปร์ ฮ่องกง ที่ราคาเหยียบล้าน เพราะราคาที่ดินแพง ขณะที่ RPM เริ่มต้นเพียงหลักแสน ทั้งนี้ท่าเรือที่ภูเก็ตมีทั้งหมด 6 แห่ง แบ่งเป็นของเอกชนและภาครัฐ 

ทำให้ ลัลวานี เริ่มมองเห็นทิศทางที่จะไปต่อได้ จึงได้มีการวางแผนที่จะขยายโครงการเพิ่มขึ้น โดยใน ปี 67 จะเริ่มก่อสร้างพื้นที่โรงแรม คาดว่า 300-400 ห้อง ในระดับ 5 ดาว โดยเป็นลักษณะของพูลวิลล่าที่มีท่าจอดเรือเป็นของตัวเอง รวมทั้งพัฒนาบอร์ดวอล์ก สู่การเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชัน และจะใช้เงินลงทุนในเรื่องของวิลล่า และโรงแรมอีก 1.5 พันล้านบาท ที่จะลงทุนในอนาคต เฟส 5 อยู่ที่ระยะเวลา 2 ปีโดยประมาณ ซึ่งคาดว่าในเดือนตุลาคมจะมีการประกาศแผนอย่างเป็นทางการ

“ไลฟ์สไตล์เดสติเนชัน จิ๊กซอว์ยังไม่ครบ จะเป็นการเติมแม็กเนส ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยปรับเปลี่ยนทางเข้า เพิ่ม F&B ภายในสิ้นปี 67 จากมีแค่ 2-3 ยูนิต จะเพิ่มเป็น 29-30 ยูนิต ความตั้งใจคืออยากมีร้านอาหาร เอาต์เล็ตโดยรอบบอร์ดวอล์ก เพราะห้องอาหารที่ดีกระจุกตัวที่บางเทาเป็นหลัก ดังนั้นจึงอยากจะเนรมิตเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชัน ส่วนขนาดก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ ซึ่งน่าจะเป็นฮับใหม่ในการ Check-in point โดยคาดว่าจะเป็นการนำร้านจากกรุงเทพฯ สิงคโปร์ ฮ่องกง มารวมไว้ที่นี่”

เทรนด์ "ยั่งยืน" มาแรง ผู้ประกอบการต้องปรับตัว

ทั้งหมดนี้จะทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตใน RPM จะเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาในนี้ได้มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จากการที่นักท่องเที่ยวมักจะใช้เวลาอยู่ที่ภูเก็ตประมาณ 2 อาทิตย์ ส่วนค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 6-7 พันบาท เน้น Entertainment เป็นหลัก ขณะที่การใช้จ่ายใน RPM อยู่ที่ราว 4 พันบาทต่อคน

ทั้งนี้ ลัลวานี ยังได้บอกอีกว่า รอยัล ภูเก็ต มารีน่า ไม่เพียงแต่เป็นท่าจอดเรือระดับลักชัวรี่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นท่าเรือปลอดคาร์บอนแห่งแรกของเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมาได้ติดตั้งโซลาร์เซลล์บนอาคารที่จอดเรือในร่ม สามารถจ่ายพลังงานได้มากกว่า 40% ต่อวัน แต่ในอนาคตจะมีการขยายเป็น 100% นอกจากนี้ยังมีแนวทางที่จะลดใช้ขวดพลาสติกในกิจกรรมการเดินเรือทุกประเภท หากสำเร็จจะสามารถช่วยลดขวดพลาสติกไปได้ราวๆ 4 ล้านขวดต่อปี เพื่อจุดมุ่งหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และ Net Zero ในปี 2608

“เพราะเทรนด์นักเที่ยวเริ่มเปลี่ยนสู่อีโคมากขึ้น ดังนั้นภูเก็ตยังไปได้อีกมากทั้งเที่ยวบิน และเศรษฐกิจ ฉะนั้นเรื่องของ “ความยั่งยืน” จะเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กสำคัญที่นอกจากเพื่อเศรษฐกิจแล้ว ยังช่วยเรื่องสังคมได้อีกด้วย” ลัลวานี กล่าวทิ้งท้าย 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์