โตชิบา ไทยแลนด์ ฉลองครบรอบ 55 ปีด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง เติบโต 24% ในปี 2567 พร้อมรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 5 ปี ที่ 15% สะท้อนความสำเร็จจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
อเล็กซ์ มา รองประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านโดยรวมปี 2567 มีมูลค่า 83,000 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน แบ่งเป็นสองกลุ่มหลัก คือ สินค้าชิ้นใหญ่และสินค้าขนาดเล็ก
สำหรับกลุ่มสินค้าชิ้นใหญ่ (Major Appliance) ประกอบด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าตลาด 65,000 ล้านบาท เติบโต 11% คิดเป็นจำนวน 5.6 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 8% โดยได้ปัจจัยหนุนจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงหน้าร้อน ประกอบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่กลุ่มสินค้าขนาดเล็ก (Small Appliance) ซึ่งประกอบด้วย หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น และพัดลม มีมูลค่าตลาด 18,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตทรงตัว มีจำนวน 15.4 ล้านเครื่อง เติบโตเพียง 3% เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง
"จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องหลายปี ส่งผลให้ปัจจุบันโตชิบาครองส่วนแบ่งการตลาดในอันดับต้นๆ ของหลายกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะไมโครเวฟที่ครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่ง 29% ตามมาด้วยตู้เย็นและหม้อหุงข้าวที่ครองอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่ง 15.9% และ 9% ตามลำดับ ส่วนเครื่องซักผ้าครองอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่ง 11.1%" อเล็กซ์ กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ถึง 53 รุ่น มุ่งเน้นตลาดระดับกลาง-บน ที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์และคุณสมบัติสินค้า พร้อมประกาศแต่งตั้งทาคาชิ โซริมาจิ นักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่น เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนใหม่ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ระดับพรีเมียม
ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จของโตชิบามาจากการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง เน้นความทนทาน พร้อมดีไซน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจรายละเอียดและความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก รวมถึงการมีเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแกร่งและช่องทางจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ในปี 2568 เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมรักษามาตรฐานการผลิตและการบริการที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์โตชิบามาโดยตลอด" อเล็กซ์ กล่าว
นอกจากนี้ ปี 2568 อเล็กซ์ เผยว่า โตชิบา มีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มอีกกว่า 500 แห่ง โดยเน้นขยายจุดวางสินค้ากลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น รวมไปถึงการทุ่มเงินในการปรับโฉมร้านค้าให้ดูสวย ทันสมัยขึ้น อีกทั้งยังเพิ่ม Experience Store ที่เน้นการโชว์สินค้ากลุ่ม Smart Solution เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้ามามีประสบการณ์การใช้งาน ณ จุดขาย และเพิ่มจำนวนและพัฒนาคุณภาพพนักงานขายหน้าร้าน เพราะปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการความเป็นมินิมอล เทรนด์ “Toshiba Japan Origin คราฟต์ที่ดีไซน์ ใส่ใจทุกดีเทล” จึงมาแรง ดังนั้นในปีนี้โตชิบาจะไม่ได้ขายแค่ดีไซน์ แต่ใส่ “นวัตกรรม” ลงไปด้วย
สำหรับช่องทางการขายที่เติบโตสูงสุดจะเป็นออนไลน์ รองลงมาคือโมเดิร์นเทรด และสุดท้ายคือดีลเลอร์ ทั้งนี้ในส่วนของสินค้าพรีเมี่ยม มีประมาณ 50% จากปกติ 30-40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสินค้าส่วนใหญ่จะขายดีในช่วงไตรมาส 1 ของทุกปี
เมื่อถามถึงเรื่องของมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 อเล็กซ์ มองว่า ถือเป็นมาตรการกระตุ้นชั้นดี ซึ่งในภาพรวมคนมีกำลังซื้อ แต่แค่ระมัดระวังในการใช้จ่ายเท่านั้น ขณะที่โมเดล Subscription บริษัทฯ มีแผนจะทำแต่ดูความเคลื่อนไหว
“ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยมีการแข่งขันสูงในเรื่องของราคา และ Interbrand ด้านสงครามราคาของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดอีกรูปแบบหนึ่งที่ทุกอุตสาหกรรมคงหนีไม่พ้น โตชิบา จะเดินไปในรูปแบบ Value for money ไม่ขายของถูก แต่จะขายสินค้าที่คุ้มค่า โดยจะไปในเซกเมนต์ Mid to High ไม่ขายของแพงแต่มีฟังก์ชั่นมากขึ้น เพราะเรามองว่ากลยุทธ์การตัดราคาคือ การฆ่าตัวตายในระยะยาว ถ้าแบรนด์จะอยู่ได้ ต้องมีกำไร แต่อย่างไรก็ตามการแข่งขันตรงจุดนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือลูกค้า” อเล็กซ์ กล่าว
เอกดนัย ตันติภูมิอมร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โตชิบาวางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ไว้ 3 แกนคือ
1. เจาะตลาดแมส โดยสรรหาผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านต้องมี โดยส่งผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในราคามิตรภาพเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
2. ขยายฐานไปยังกลุ่มระดับกลางถึงบน (Mid to High Segment) ที่เติบโตขึ้นในทุกปี กลุ่มนี้จะมีความต้องการมากขึ้นในเชิงต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดความจุใหญ่ขึ้น และ/หรือ สเปคบางอย่างที่มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเขา อาทิต้องการความสะดวกสบาย ต้องการประหยัดเงิน
3. เจาะเข้าตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยส่งผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในแต่ละเรื่องแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องดีไซน์ สเปค หรือเทคโนโลยี
สำหรับปี 2568 นี้ โตชิบามีแผนขยายสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น โดยแบ่งเป็นกลุ่มตู้เย็นจาก 11 รุ่น กลุ่มเครื่องซักผ้า 19 รุ่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องครัว 16 รุ่น และกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านอีก 7 รุ่น
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney