Club 21 มัลติแบรนด์สายแฟจากสิงคโปร์ ผู้มาก่อนกาล กว่า 50 ปี รวมแบรนด์หรูจากทั่วโลกไว้ในที่เดียว

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Club 21 มัลติแบรนด์สายแฟจากสิงคโปร์ ผู้มาก่อนกาล กว่า 50 ปี รวมแบรนด์หรูจากทั่วโลกไว้ในที่เดียว

Date Time: 9 ต.ค. 2567 19:16 น.

Video

โมเดลธุรกิจ Onlyfans ทำไมถึงมีแต่ได้กับได้ ? บริษัทมั่งคั่ง คนทำก็รวย | Digital Frontiers

Summary

  • Thairath Money คอลัมน์ BrandStory พาย้อนเส้นทางกว่า 50 ปีของ Club 21 “คลับทเวนตี้วัน” ผู้ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำสัญชาติสิงคโปร์ที่ขยายสาขาไปทั่วโลก เพราะอะไรดีไซเนอร์รุ่นเดอะจนถึงรุ่นใหม่ไว้วางใจ Club 21 วางขายสินค้าและพาเปิดตลาดในต่างแดน ทำอย่างไรถึงรวบรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากทั่วโลกไว้ในที่เดียวมานานกว่าครึ่งศตวรรษ

Latest


จากสองสามีภรรยานักธุรกิจชาวสิงคโปร์สู่ผู้ประกอบการ Luxury Retail ขวัญใจคนไทยที่ทำให้คนรักแฟชั่นเข้าถึงเครื่องแต่งกายจากดีไซเนอร์ทั่วโลก เรากำลังพูดถึง Club 21 “คลับทเวนตี้วัน” 

นี่คือมัลติสโตร์ที่สามารถมัดรวมเอา Niche Brand ที่หลายคนชื่นชอบอย่าง COMME des GARÇONS, Issey Miyake, Maison Margiela, Rick Owens, Yohji Yamamoto, Junya Watanabe, Jil Sander, Acne Studios, Black Jack, CFCL, MM6 หรือ PH5 มาสู่มือคนไทยภายในร้านเดียว!!

บทบาทในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ไม่ใช่แค่ “ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย” แต่ในฐานะการเป็น “ตัวกลาง” เชื่อมโลกแฟชั่นจากภูมิภาคต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ทำให้คนที่กำลังมองหาไอเท็มได้พบกับชิ้นโปรดที่เขารักแม้จะมีต้นกำเนิดจากอีกมุมหนึ่งของโลก ทำให้ดีไซเนอร์ยุโรปกล้าที่จะชิมลางในตลาดเอเชีย ทำให้แบรนด์รุ่นใหม่มีช่องทางในการเปิดตลาดและเติบโตสู่แฟชั่นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

Thairath Money คอลัมน์ BrandStory พาย้อนเส้นทางกว่า 50 ปีของ "Club 21" ผู้ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำสัญชาติสิงคโปร์ที่ขยายสาขาไปทั่วโลก เพราะอะไรดีไซเนอร์หลายยุคหลายสมัยไว้วางใจ Club 21 ให้ วางขายสินค้าและพาเปิดตลาดในต่างแดน ทำอย่างไรถึงรวบรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากทั่วโลกได้ไว้ในที่เดียวมานานกว่าครึ่งศตวรรษ  

ขับเคลื่อนโลกแฟชั่นมานานกว่า 52 ปี

ย้อนกลับไปในปี 1972 หรือเมื่อ 52 ปีที่แล้ว สองสามีภรรยานักธุรกิจชาวสิงคโปร์ Ong Beng Seng และ Christina Ong ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นมหาเศรษฐีสิงคโปร์ไปแล้วนั้นอยากที่จะเริ่มต้นกิจการร้านตัดเสื้อของตนเอง โดยทั้งสองจับมือกันเปิดบูติกในรูปแบบสแตนด์อโลนแห่งแรกที่ศูนย์การค้า Tanglin Singapore Center

ด้วยการนำของ Christina Ong ได้ขยับขยายธุรกิจจากร้านตัดเสื้อสู่ร้านนำเข้าเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งเริ่มต้นจากแบรนด์ยุโรปอย่าง Ossie Clark และ Jeff Banks จากนั้นไม่นานความมีชีวิตชีวาสตรีทสไตล์แบบลอนดอนทำให้ Club 21 เริ่มเป็นที่รู้จัก ถูกตาต้องใจสาวๆ ในสิงคโปร์ และค่อยๆ กลายมาเป็นตัวแทนของแบรนด์ต่างๆ ในสิงคโปร์ เช่น Donna Karan, CK Calvin Klein, Giorgio Armani, Balenciaga, Marni, Dolce & Gabbana, D&G, Diesel, Paul Smith, Issey Miyake, Jil Sander, Dries van Noten, Comme des Garçons และ Lanvin

ไม่นาน Club 21 ก็ขยายกิจการก้าวออกสู่ต่างประเทศในรูปแบบ Multi-Label Store โดยในช่วงปี 1980 เป็นต้นมา Club 21 กลายเป็นช่องทางสำคัญให้กับบรรดาแบรนด์แฟชั่นหรูจากยุโรปในการเข้ามาตั้งหลักในภูมิภาคเอเชีย จากการวางขายภายในร้านของ Club 21 จนแบรนด์สามารถขยับขยายสู่บูติกแฟรนไชส์ของตนเอง อาทิ Saint Laurent, Valentino, Prada, Giorgio Armani

Club 21 ทำหน้าที่เป็นพันธมิตรของแบรนด์เสื้อผ้าหรูจากตะวันตกในการเข้ามาทำตลาดในเอเชีย ซึ่งแต่ก่อนแบรนด์ที่เรารู้จักทุกวันนี้หลายๆ อาจจะยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน กล่าวคือ หลายแบรนด์ต้องการพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยให้พวกเขาเปิดร้านค้าและทำตลาดได้อย่างมั่นใจในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ จาการ์ตา กรุงเทพฯ ซึ่งเข้ามาเปิดสาขาในปี 1994 หลังจากก่อตั้ง 22 ปีต่อมาหรือแม้แต่ในลอนดอนที่ Club 21 มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก่อนหน้านี้

โดยปัจจุบัน Club 21 คือธุรกิจค้าปลีกแฟชั่นซึ่งอยู่ภายใต้ COMO Group กลุ่มบริษัทของสามีภรรยา Ong ดูแลแบรนด์ จัดหาสินค้า จัดจำหน่ายทั้งปลีกและส่งครอบคลุมเครื่องแต่งกาย รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ นับไม่ถ้วน อาทิ 3.1 Phillip Lim, Alexander Wang, Mulberry, Balmain, COMME des GARCONS, ISSEY MIYAKE, Jacquemus, JW Anderson, Maison Margiela, Marine Serre, Stella McCartney, Thom Browne, Vetements และอีกมากมาย ในร้านค้าเกือบ 400 แห่งทั่วเอเชีย ดำเนินกิจการในตลาดหลายแห่งทั้งในอาเซียน ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน มาเก๊า เกาหลี ออสเตรเลีย ยุโรป รวมถึงช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และช่องทางอีคอมเมิร์ซ

มูลค่าและคุณค่าของงานออกแบบ ทำให้ Club 21 ก้าวสู่ “ขั้นกว่า” ของคำว่ารีเทล

Club 21 พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของร้านในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรายแรกๆ ในสมัยนั้นที่ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่สามารถบริหารจัดการในแง่ของยอดขาย และเรื่อง “รสนิยม” จากการคัดเลือกแฟชั่นไอเท็มจากแบรนด์ดังระดับโลกรุ่นเดอะจำนวนมาก รวมถึงดีไซเนอร์หน้าใหม่ที่มีความโดดเด่นในวงการขณะนั้นมาอยู่ในร้าน

ทำให้ Club 21 มีบทบาทในการเพิ่มทางเลือกให้กับคอแฟชั่นที่ไม่ใช่แค่ความไฮเอนด์และความสวยหรู แต่ให้คนได้สัมผัสกับแฟชั่นที่มีความแปลกใหม่ น่าตื่นเต้น “Club 21 เปรียบเสมือนสนามเด็กเล่นให้กับคนรักแฟชั่นที่สามารถสนุกสนานและลองสวมแบรนด์ใหม่ๆ ทุกครั้งที่เดินเข้าไปในร้าน”

ความกล้าในการนำเสนอแบรนด์เฉพาะกลุ่มกลายเป็นจุดแข็งของการสร้างแบรนด์ Club 21 ตั้งแต่ Day 1 และทำให้ Club 21 มีฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ตั้งแต่กลุ่มลูกค้าพรีเมียมไฮเอนด์ กลุ่มนักช้อปสินค้าหรู กลุ่มคอแฟชั่นที่พร้อมทุ่มงบให้กับไอเท็มชิ้นสำคัญ กลุ่มที่ชอบติดตามอุตสาหกรรมออกแบบแฟชั่นระดับโลก

ไปจนถึงกลุ่มที่ชื่นชอบ Niche Brand และ Cult Fashion ทั้งแบรนด์อิสระขนาดเล็ก แบรนด์ทางเลือก รวมถึงกลุ่มที่เป็นแฟนคลับของดีไซเนอร์รายนั้น ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับความเป็นแบรนด์ Club 21 ให้เป็นมากกว่ารีเทลแฟชั่นทั่วไป

ตอนนี้ Club 21 เป็นที่รู้จักในฐานะ "Fashion Distributor" ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นทั้งด้านผู้ซื้อที่ทำให้ผู้หลงใหลในแฟชั่นเข้าถึงโลกของแฟชั่นได้อย่างไร้ขอบเขต และผู้ขายที่ Club 21 มีบทบาทในการสนับสนุนแบรนด์และดีไซเนอร์มาอย่างต่อเนื่องผ่านการเป็นพื้นที่ทดลองตลาดให้กับแบรนด์ได้ลองชิมลางในตลาดต่างแดน รวมถึงต่อยอดการขยายสาขาไปในรูปแบบโมโนแบรนด์ (จำหน่ายเพียงแบรนด์เดียวในร้าน) หากแบรนด์เติบโตดีจนสามารถแยกออกร้าน Club 21 ในรูปแบบมัลติแบรนด์ได้ 

การวางตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและการเข้าถึงจากทั่วโลก ทำให้ Club 21 กลายเป็นผู้เล่นหลักในภาคค้าปลีกแฟชั่นในตลาดเอเชียที่มีอิทธิพลในระดับโลก ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากการสั่งสมเครดิตมานานครึ่งศตวรรษ

30 ปีในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยกับตัวตนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

สำหรับประเทศไทยบ้านเรา หลังจาก Club 21 Thailand อยู่ในไทยมายาวนานกว่า 30 ปี ล่าสุดก็ได้ตอกย้ำการเป็น Top of Mind มัลติแบรนด์สายแฟในประเทศไทย โดยการคิกออฟแคมเปญแห่งปี “SALUTE THE DETAIL” พร้อมกับหนังโฆษณาที่ตั้งใจสร้าง Brand Awareness ใหม่ ๆ สร้างความสดใหม่ให้กับแบรนด์ในฐานะแฟชั่นรีเทลผู้มาก่อนกาลที่ในครั้งนี้ตั้งเป้ารุกฐานลูกค้าเจนใหม่ ๆ ที่วัยรุ่นและมีสไตล์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น

ผ่านการหยิบยกเอาเอกลักษณ์อันเป็นจุดแข็งหลักของ Club 21 นั่นก็คือ การเป็นศูนย์รวมแบรนด์แฟชั่นที่สามารถมัดรวมแบรนด์ชั้นนำที่เต็มไปด้วยคุณค่าของงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์จากดีไซเนอร์ผู้ใส่ใจในรายละเอียดทั่วโลกส่งตรงไปยังมือลูกค้าที่หลงใหลในโลกแฟชั่นและยังคลั่งรักในดีเทลไม่แพ้กัน

ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าอายุเท่าไหร่ เพศชายหญิงหรือแอลจี เทสต์แบบไหน ถ้าเป็นลูกค้า Club 21 ทุกคนล้วนมีจุดร่วมที่เหมือนกัน นั่นก็คือ การให้ความสำคัญกับ “รายละเอียด” มากกว่าใคร ไม่ว่าจะสอดแทรกหรือถูกซ่อนไว้อย่างสวยงามผ่านงานออกแบบ ซึ่งถูกนำเสนออยู่บนสินค้าภายใน Club 21 ทั้งสิ้น

โสภาวดี เพชรชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คลับ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายของการเดินเครื่องขยายฐานลูกค้าและการก้าวออกมาทำแคมเปญสื่อสารถึงคนทั่วไปอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยจากที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะต้องการให้ Club 21 เข้าถึงคอแฟชั่นรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว กล้าที่จะใช้เงินกับเครื่องแต่งกาย และรู้จักแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศที่หลากหลาย ซึ่งทำให้ตลาดแฟชั่นมีสีสันและมีศักยภาพในการเติบโตสูง เห็นได้จากการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก มองไทยเป็น Fashion Destination แห่งใหม่ในเอเชีย

“SALUTE THE DETAIL” ตั้งใจเฉลิมฉลองให้กับความพิถีพิถันในรายละเอียด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการถ่ายทอดสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้สวมใส่ ซึ่ง Club 21 เข้าใจว่าการแต่งตัวไม่ได้เป็นเพียงแค่การใส่เสื้อผ้า แต่เป็นการบ่งบอกถึงองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่สร้างสรรค์ความเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์ของแต่ละคน ล้อไปกับแนวคิดที่กล่าวว่า คนชอบแต่งตัวมักจะถูกหาว่า “เยอะ” โดยแคมเปญนี้ตั้งใจสื่อสารว่า “ชอบแต่งตัวไม่ได้แปลว่าเยอะ” และ “การอินในดีเทลไม่ได้แปลว่าเยอะ” นั่นเอง


 

ที่มาข้อมูล COMO Group Club 21 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ