วันนี้ (วันอังคารที่ 12 ธันวาคม) จะมีงานใหญ่งานหนึ่งที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์...เป็นงานของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่แต่เดิมเคยมีชื่อที่รู้จักกันทั้งประเทศว่า การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจที่ทำมาค้าขายทางด้านพลังงาน ดูแลเรื่องน้ำมัน เรื่องก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ ของประเทศนั่นแหละครับ
ก่อตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2521 ในยุคของนายกรัฐมนตรี พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ โดยรวมงานของ องค์การเชื้อเพลิง ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปทหาร 3 เหล่าทัพ จึงเรียกกันว่าองค์การ 3 ทหาร...เข้ากับ องค์การแก๊สธรรมชาติแห่งประเทศไทย ที่ขึ้นอยู่กับกระทรวงอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 29 เดือนธันวาคม ปี 2521 นับมาถึงเดือนธันวาคมปีนี้ (2566) จึงเท่ากับในวันที่ 29 ธ.ค.ที่จะถึงจะมีอายุครบ 45 ปี แต่วันนี้คงฤกษ์ดีอะไรสักอย่างจึงจัดฉลองล่วงหน้าที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ดังกล่าว
ตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเกิดขึ้นแก่ ปตท.หลายประการ โดยเฉพาะการเปลี่ยนสถานะจากรัฐวิสาหกิจเต็มตัวมาเป็นบริษัทของรัฐ ปตท. จำกัด (มหาชน) ตาม พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ 2542 เพื่อให้คนไทยมีโอกาสเป็นเจ้าของร่วมผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แต่ก็ยังถือว่าเป็นบริษัทของรัฐ เพราะถือหุ้นโดยกระทรวงการคลังร้อยละ 51.1 เกินกึ่งหนึ่งของหุ้นทั้งหมด
ในช่วงต้นๆ การปิโตรเลียมก็เตาะแตะมาเรื่อยๆไม่โด่งดังไม่หวือหวาอะไรนัก จนกระทั่งถึงปี 2524 เมื่อมีการวางท่อก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยขึ้นสู่โรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเพื่อผลิตไฟฟ้า และในวันเปิดท่อก๊าซนั้น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีใน พ.ศ.ดังกล่าว ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดด้วยตนเอง และในสุนทรพจน์เปิดงาน ของท่านมีคำที่ฮิตมากอยู่คำหนึ่งคือคำว่า “โชติช่วงชัชวาล”
กลายเป็นคำมงคลทำให้ประเทศไทยโชติช่วงชัชวาลขึ้นมาจริงๆ ในยุคป๋าเปรมเป็นนายกฯ
แต่ประเทศก็เหมือน “คน” ที่มีขึ้นมีลง ในขณะที่ “วงจรเศรษฐกิจ” ก็ขึ้นๆลงๆดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
ประเทศไทยของเราจึงมีขึ้นมีลงไปตามข้อเท็จจริงที่กล่าวนี้...แต่ก็นับว่าโชคดีในตอนขึ้นเราจะขึ้นไปพอสมควร ดังนั้นพอลงก็จะยังพอมีกำไรอยู่บ้าง ทำให้ประเทศไทยของเราเดินหน้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ขึ้นชั้นเป็น “ประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง” อย่างทุกวันนี้
แน่นอนในช่วงที่เศรษฐกิจไทยหรือเศรษฐกิจโลกขึ้นๆลงๆ ย่อมส่งผลกระทบมาถึง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ บริษัท ปตท. จำกัด ในภายหลังไม่มากก็น้อย
แต่ในภาพรวมแล้ว ปตท.ยังคงเดินหน้าด้วยดีมาโดยตลอด ส่งผลให้จากที่เคยเป็นปั๊มน้ำมัน 3 ทหารในอดีต ปตท.ได้กลายเป็นบริษัทที่เคยได้ชื่อว่า “ใหญ่ที่สุด” ของประเทศไทย และเคยอยู่ใน 100 อันดับ บริษัทใหญ่ของโลกมาแล้วเมื่อหลายๆปีก่อน
ถ้าจะถามผมว่าอะไรคือความสำเร็จของ ปตท.? ผมค่อนข้างปักใจ ว่าเป็นเพราะ ปตท.มีบุคลากรที่เข้มแข็ง มีความรู้ความสามารถในทุกระดับมาตั้งแต่ต้น
โดยเฉพาะ ผู้บริหารระดับสูง ปตท.มีระบบในการคัดเลือกตัวบุคคลที่ดีมาก รวมทั้งมีการสร้างตัวตายตัวแทนเอาไว้แบบรุ่นต่อรุ่นโดยไม่ขาดตอน
ย้อนอดีตไปตั้งแต่ ดร.ทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์, ดร.อาณัติ อาภาภิรม, เลื่อน กฤษณกรี, พละ สุขเวช, วิเศษ จูภิบาล, ประเสริฐ บุญสัมพันธ์, ไพรินทร์ ชูโชติถาวร, เทวินทร์ วงศ์วานิช, ชาญศิลป์ ตรีนุชกร และปัจจุบัน อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ล้วนมีคุณภาพคับแก้วทั้งสิ้น
ทั้งหมดที่คัดลอกชื่อมานี้ผมไม่เคยสัมภาษณ์ไม่เคยพูดคุยด้วยเพียงคุณ ทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์ ท่านเดียวเท่านั้น...นอกนั้นเคยสัมภาษณ์อย่างลึกซึ้งทั้งนอกรอบในรอบและหลายๆรอบด้วยซ้ำ
ผมแอบให้คะแนนความสามารถของท่านเหล่านี้ด้วยวิธีการของผม ในฐานะที่แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน ทั้งในวงการข้าราชการและสื่อมวลชนผมให้ A เป็นอย่างน้อยทุกท่าน และมี A+ บางท่าน
2-3 วันมานี้มีข่าวประกาศรับสมัครกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่แทนคุณอรรถพลที่จะครบเทอม พ.ค.ปีหน้า ผมก็หวังว่าคงจะได้คนเก่งคนดีมีคุณภาพระดับเกรด A เป็นอย่างน้อยเหมือนทุกๆท่านในอดีตที่ผ่านมา
สุขสันต์วันเกิดครบ 45 ปี Happy Birthday นะครับ “ปตท.”!
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม