ปัจจุบันการผลักดันให้เห็นถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้คนเริ่มเห็นถึงผลกระทบจากกิจกรรมต่างๆ ที่บ่งบอกว่า มนุษย์คือตัวการสำคัญที่ทำร้ายโลกโดยที่เราไม่รู้ตัว...
ช่วงสามปีให้หลังมานี้ กระแสรักษ์โลกกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนขับเคลื่อน โดยเฉพาะการสนับสนุนระดับปัจเจกบุคคลให้ลองปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ปรับพฤติกรรมง่ายๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ฉันไม่ทำร้ายโลกไปมากกว่านี้ ยกตัวอย่าง ปัจจุบันคนหันมาใช้แก้วน้ำของตัวเองแทนการใช้แก้วน้ำพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งกันมากขึ้น เพราะเพียงแค่เปลี่ยนภาชนะที่ใช้ดื่มกินในทุกๆ วัน ก็สามารถช่วยลดปริมาณขยะได้อย่างมหาศาล
ทำให้ช่วงที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์แก้วน้ำกระบอกน้ำรักษ์โลกกลายเป็นสินค้ายอดฮิต และหนึ่งยี่ห้อแก้วรักษ์โลกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกขณะนี้ ได้รับความสนใจจากแบรนด์ธุรกิจและเชนกาแฟระดับโลกอย่าง สตาร์บัคส์ อยากจับมือเป็นพาร์ตเนอร์รักษ์โลกด้วย
นั่นก็คือ สโตโจ “Stojo” แก้วน้ำซิลิโคนไซส์กะทัดรัดหลากสี ที่ช่วยโลกลดแก้วใช้แล้วทิ้งไปได้หลายพันใบต่อปี กับเสน่ห์เฉพาะตัวที่โดดเด่นในการเป็น Collapsible Cups สามารถพับเก็บได้ในจุดที่พอดีกับพื้นที่ที่เล็กที่สุด แม้แต่กระเป๋าเสื้อ
เจอร์เรียน สวอร์ตส (Jurrien Swarts) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง หนึ่งในแก๊งคุณพ่อคอกาแฟผู้ก่อตั้งที่ต้องการแก้ปัญหาแก้วพลาสติกล้นโลก หลังจากค้นพบว่า คนอเมริกันโยนแก้วกาแฟที่กินแล้วทิ้งถึง 58 พันล้านใบต่อปี การกินกาแฟกว่า 5-6 แก้วต่อวันของเขา ทำให้เขาตระหนักว่าตนคือตัวการหลักในการสร้างขยะกองโตให้กับโลกใบนี้ด้วยนั่นเอง เขาเลยตั้งใจบอกผู้คนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
“กาแฟเติมพลังให้กับชีวิตของเรา ในวันธรรมดา เราจะดื่มหนึ่งแก้วก่อนที่ลูกจะตื่น อีกแก้วหนึ่งสำหรับเดินทางในตอนเช้า หยิบอีกหนึ่งหรือสองแก้วจากที่ทำงาน เมื่อนับรวมวันหยุดแล้ว เท่ากับเราดื่มกาแฟเกือบ 1,000 แก้วต่อปี”
Sorry, planet…
อย่างที่เราเห็นว่า แก้วสโตโจ มีความโดดเด่นอย่างมากในเรื่องวัสดุที่นำมาใช้ นั่นก็คือ ‘ซิลิโคนที่ได้รับการรับรอง’ (LFGB Certified silicone) ปลอดภัยต่ออาหารและรีไซเคิลได้ และออกแบบมาให้ป้องกันการรั่วซึมเป็นอย่างดี ทำให้ตัวแก้วมีความยืดหยุ่น คงทน ไม่เสียหายง่าย ปราศจากส่วนประกอบของกาว บวกกับการออกแบบให้มีคุณสมบัติพิเศษในการพับเก็บได้ในทีเดียว ทำให้เราสามารถพกพาแก้วสโตโจ ใส่กระเป๋าเล็กใหญ่ไปได้ทุกที่ วางซ้อนกันได้ กระทบกระเทือนได้ แถมยังมั่นใจได้อีกว่า เครื่องดื่มจะไม่รั่วซึม และยังกักเก็บอุณหภูมิได้อีกด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แก้วสโตโจ ตอบโจทย์ผู้ที่เดินทางเป็นประจำมากขึ้น เพราะบางครั้งการพกแก้วน้ำขนาดใหญ่ก็อาจจะไม่สะดวกสบาย และกลายเป็นอุปสรรคในการเดินทางได้จริงๆ และมากไปกว่านั้น แก้วสโตโจ ยังสามารถสั่งอะไหล่ทดแทนได้ หากมีชิ้นส่วนไหนเสียหายอีกด้วย
แม้ว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมการ ‘ใช้แล้วทิ้ง’ (Disposable culture) ของผู้คน ด้วยทำภาชนะที่นำกลับมาใช้ได้ซ้ำๆ จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ต้องยอมรับว่า การเพิ่มคุณสมบัติพับได้ และดีไซน์แก้วสุดเก๋ มีความสมัยใหม่แปลกตา สีสันหลากหลาย โดย สวอร์ตส เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจทำให้ แก้วสโตโจ เตะตาผู้บริโภครุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z ภาพรวมแก้วสโตโจจึงออกมามีความโดดเด้ง แปลกใหม่
แน่นอนว่าจุดแข็งที่เหมาะเจาะเหล่านี้ ทำให้ แก้วสโตโจ หนีภาพจำการเป็นแก้วน้ำกระบอกน้ำแบบเดิมได้ ทำให้สโตโจได้คะแนนภาพลักษณ์และการใช้งานที่ตอบโจทย์ pain point ไม่แพ้แก้วน้ำยี่ห้อ เยติ ‘Yeti’ ที่มีจุดขายในการกักเก็บอุณหภูมิได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
แก้วสโตโจ วางขายครั้งแรกในเว็บไซต์ Kickstarter ปี 2014 และเริ่มติดตลาดอย่างรวดเร็ว ด้วยโมเดล Omni-Channel จำหน่ายหลายช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ของตนเอง Amazon และในร้านค้าปลีก โดยยังเปิดให้ตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วโลกนำไปวางขายอีกด้วย
ปัจจุบัน Stojo ผลิตแก้วหลายไซส์ ตั้งแต่ 8-24 ออนซ์ และเพิ่มการผลิตภาชนะรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากแก้วที่ยังคงคุณสมบัติพับได้ พกพาสะดวก ตั้งแต่ขวดน้ำ กล่องใส่อาหาร จานชาม ไปจนถึงหลอด และยังวางแผนระยะยาวที่จะมีบทบาทในการสร้างนิสัยใหม่ให้กับผู้คน โดยมีจุดยืนที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่าที่เป็นไปได้
โดยล่าสุดเชนกาแฟระดับโลกอย่าง สตาบัคส์ ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนการแก้ไขปัญหาแก้วใช้แล้วทิ้ง ประกาศแคมเปญลดผลิตภัณฑ์พลาสติก "BYOC" (Bring Your Own Cup) เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้านำแก้วมากาแฟมาเอง นอกจากนี้ยังวางขายแก้ว Starbucks Stojo อีกด้วย แน่นอนว่ายังทำให้ แก้วสโตโจ สามารถเข้าไปวางขายในร้านสตาบัคส์ 23,000 แห่งทั่วโลกได้อีกด้วย
"ถ้าแต่ละสาขาขายแก้วได้ 4 ใบต่อ 1 สัปดาห์ นั่นเท่ากับ แก้วสโตโจจะถูกได้จำนวน 4.6 ล้านใบเลยทีเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่าเราช่วยลดแก้วใช้แล้วทิ้งไปได้มากกว่าครึ่ง"
อ้างอิง StojoThailand, Retailtouchpoint, Stojo , NYLaunchpod