ซีอีโอ Agoda เผยไทยยังเป็นเบอร์ต้นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แนะสร้างเสน่ห์ด้านอื่นเสริมแกร่ง

Agoda ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ พร้อมด้วยพนักงานกว่า 6,600 คนที่ปักหลักในเมืองไทยเพื่อขับเคลื่อนแพลตฟอร์มจองห้องพักและการท่องเที่ยวทั่วโลก เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ในการผลักดัน ไทยในฐานะ ‘ศูนย์กลางเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของอโกด้า’ ให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและฮับด้านธุรกิจและเทคโนโลยี ตามที่เคยบอกเอาไว้ว่า ‘กรุงเทพฯ คือ ซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย’ มองไทยเป็นประเทศที่เหมาะกับ Workcation มากที่สุดในโลก 

นายออมรี มอร์แกนสเติร์น (Omri Morgenshtern) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Agoda เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แถมยังฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic Tourists) และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังไทย (Inbound Tourists) กลับมาแตะระดับเดียวกันและกำลังจะแซงหน้าปี 2562 โดยเฉพาะในปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มอโกด้ามากถึงขั้นที่จุเต็มสนามฟุตบอลถึง 125 สนาม 

ยอดการค้นหาของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากปี 2562 กว่า 40% ส่วนตัวเลขการท่องเที่ยวในประเทศ 60% อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวขาออกยังมีสัดส่วนน้อยกว่า (Outbound Tourists) แต่จะเพิ่มขึ้นตามลำดับและกลับมาเติบโตมากกว่าปี 2562 ภายในปลายปีนี้

ในปีนี้ ไทย เป็นประเทศเป้าหมายการเดินทางอันดับสอง รองจากญี่ปุ่น และ กรุงเทพฯ ยังครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางอันดับต้นของแพลตฟอร์อโกด้าที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปักหมุด โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวไทยมากที่สุด คือ นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ รองลงมาคือ นักท่องเที่ยวอินเดีย สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยมีจำนวนเพิ่มกลับราว 80% 

แม้ตัวเลขจะมีทิศทางที่ดีแต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังมีความท้าทาย เช่น การรองรับนักท่องเที่ยวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เพียงพอต่อการเข้ามาของนักท่องเที่ยว ดังนั้นถ้ามีการลงทุนเพิ่ม เพื่อเติมเต็มศักยภาพให้กับระบบรองรับนักท่องเที่ยวให้สะดวกยิ่งขึ้น ลดข้อกำจัดในการเข้ามาท่องเที่ยว เช่น มาตรการวีซ่า รวมถึงราคาตั๋วเครื่องบินและไฟลต์บินที่รองรับ ก็จะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น 

"ขณะเดียวกันต้องสร้าง Value of proposition ด้านอื่นๆ เพื่อสร้างเสน่ห์ด้านอื่นๆ จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับไทย ท่ามกลางการท่องเที่ยวของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่กำลังฟื้นตัวเช่นเดียวกันอย่าง เวียดนาม เกาหลีใต้ อินเดีย เป็นต้น" 

สำหรับเป้าหมายหลัก Agoda ออมรี กล่าวว่า ต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและเป็นอันดับหนึ่งในการให้บริการและการท่องเที่ยว เราจึงลงทุนด้านเทคโนโลยีและมีความพยายามมีส่วนร่วมในทุกเทคโนโลยีสำคัญๆ (Performanced Technology) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสนับสนุนกับแพลตฟอร์มซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของเรา และเพื่อค้นหาการมอบประสบการณ์และราคาที่ดีที่สุด (Best Price) ตอบโจทย์ผู้ใช้ในแต่ละประเทศ และต้องโลคอลไลซ์ให้เข้ากับแต่ละท้องถิ่นได้มากยิ่งขึ้น (Localization) เพราะ การจะเจาะกลุ่มการท่องเที่ยวได้ดีต้องมีเทคโนโลยีที่ดีรองรับด้วยนั่นเอง 

Agoda จึงมีอีกเป้าหมาย คือ การร่วมสร้างอีโคซิสเต็มและคอมมูนิตี้ด้านเทคโนโลยีในเมืองไทยให้เติบโตมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงกลุ่มคนในวงการเทคโนโลยีทั่วโลกเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการสู่เมืองไทย เพราะ Agoda เชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งเอเชีย ทั้งนี้ไม่ใช่แค่จะสร้างผลดีต่อการพัฒนาระบบของ Agoda เท่านั้น แต่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของไทย ออมรีกล่าวทิ้งท้าย