ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถึงความคืบหน้า กรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกคำสั่งถึง ปตท. เพื่อเรียกเก็บค่าปรับจากผู้ขายก๊าซธรรมชาติในแต่ละวัน (ซอร์ตฟอลล์) จำนวน 4,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด จ่ายให้กับ ปตท. กรณีไม่สามารถผลิตก๊าซฯ แหล่งเอราวัณได้ตามสัญญาสัมปทาน ตั้งแต่กลางปี 2564 จนถึงช่วงหมดสัญญาสัมปทานที่มีการส่งมอบแก่กลุ่มบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2565 ว่า ปตท.ได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งต่อ กกพ. เพราะไม่เห็นด้วย เพราะต้องมีการตีความเงื่อนไขสัญญาต่างๆ ซึ่งเป็นมุมมองที่อาจแตกต่างกันที่ผ่านมาสัญญาซื้อขายก๊าซฯที่ระหว่าง ปตท.กับผู้ผลิตฯ (เชฟรอนฯ) มีการระบุเงื่อนไขต่างๆ อาทิ ชอร์ต ฟอลล์ กรณีที่ผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบ ก๊าซฯได้ตามสัญญาก็มีบทปรับเกิดขึ้น
โดย ปตท.ยืนยันว่าได้ทำตามเงื่อนไขสัญญา ไม่ได้ทำอะไรที่บกพร่อง ที่ผ่านมา ปตท.ได้ให้การช่วยเหลือค่าครองชีพ ด้านพลังงานให้กับประชาชนมา ตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด-19, สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานปรับเพิ่มสูงขึ้น ปตท. จึงได้ร่วมแก้ไขและบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง พร้อมรองรับปริมาณความต้องการพลังงานของประเทศ ทั้งในภาคประชาชน การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม รวม 20,000 ล้านบาท เพื่อ ช่วยเหลือประชาชนปี 2563-2565 เช่น การสำรองน้ำมัน 4 ล้านบาร์เรล การตรึงราคาเอ็นจีวี การช่วยเหลือราคาก๊าซหุงต้ม แก่หาบเร่แผงลอย ผู้มีรายได้น้อยการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ฯลฯ
ล่าสุด กกพ.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาการอุทธรณ์แล้ว เพื่อหาข้อสรุปให้แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อนำเงินมาลดราคาก๊าซธรรมชาติมาส่งผ่านไปถึงต้นทุนการผลิตค่าไฟฟ้างวดใหม่ให้ถูกลง.