สำนักข่าว Bloomberg รายงานถึง การสูญเสียความมั่งคั่งครั้งใหญ่ ของฝ่าม เญิ้ต เวือง (Pham Nhat Vuong) บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเวียดนาม ผู้ก่อตั้ง VinGroup บริษัทแม่ VinFast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม และบริษัทใหญ่ในเครืออีกมากมาย หลังทุ่มเงินมหาศาลแต่ผลลัพธ์กลับเป็นไปในทิศทางที่ไม่ดีนัก แถมยังเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ว่ารถ VinFast ยังไม่พร้อมที่จะทำตลาด EV ในสหรัฐอเมริกา
รายงานระบุว่าบริษัททุ่มเงินไปถึง 8.2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการลงทุนสำคัญ และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ ของบริษัท อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนที่ได้กลับไม่เป็นไปตามคาด นอกจากนี้ เวือง ยังเตรียมเพิ่มงบลงทุนอีก 2.5 พันล้านดอลลาร์ โดยครึ่งหนึ่งเป็นเงินที่ควักออกจากกระเป๋าตนเองอีกด้วย รวมแล้วกว่า 10.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3 แสนล้านบาท
ฝ่าม เญิ้ต เวือง ถูกมองว่าเขากำลังรับไม้ต่อจาก อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง Tesla แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลกที่ได้ผ่านช่วงเวลายากลำบากของกระบวนการผลิต และอาจต้องควักเงินเพิ่มขึ้นเพื่อเอาชนะตลาด และเป็นไปได้ขนาดไหนที่จะคืนทุน และมีพลังมากพอที่จะงัดกับเจ้าตลาดอย่าง Tesla ที่หันมาพลิกเกมใช้มาตรการด้านราคา
VinFast ก่อตั้งในปี 2560 และประกาศแผนลงทุนมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์จัดตั้งสำนักงานใหญ่ที่แคลิฟอร์เนียและแผนสร้างโรงงานมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ที่นอร์ทแคโรไลนา ซึ่งจะวางแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ในปี 2568 และวางแผนจดทะเบียนใน Nasdaq ด้วยมูลค่าบริษัทที่ถูกตีไว้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์
ทว่า VinFast เจออุปสรรหลายประการท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดและอุปสงค์ที่ลดลง ทั้งการส่งมอบรถรอบแรกที่ล่าช้ากว่ากำหนด เพราะปัจจุบันยังผลิตที่เวียดนาม แถมแบรนด์ยังไม่ได้รับรองด้านการควบคุมมลพิษจากทางการสหรัฐฯ ความล่าช้าทำให้ VinFast อาจไม่ได้รับสิทธิ์เครดิตภาษีนำเข้าจาก Inflation Reduction Act ทำให้รถ Vinfast มีราคาสูงกว่าคู่แข่งอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ Tesla หันมาลดราคากระตุ้นการซื้อที่กดดันอุตสาหกรรมยานยนต์และการแข่งขันของตลาด EV มากขึ้น
ในเรื่องสมรรถนะ VinFast ได้รับ Feedback จากลูกค้าที่พบอาการแปลกๆ เช่น แบตเตอรี่หมดเร็ว คันเร่งมีปัญหา และพูดไปในทางเดียวกันว่ารถคุณสมบัติต่ำกว่าที่แบรนด์โฆษณา ความล่าช้ายังต่อเนื่องไปถึงการชะลอแผนการเข้าจดทะเบียนในปีนี้ โดยอ้างถึงปัญหาด้าน Supply Chain และความไม่แน่นอนของตลาด ตลอดจนปัญหาผู้บริหารระดับสูงลาออกที่รับรู้ทั่วกัน
นอกจากนี้ กลยุทธ์เจาะตลาดต่างประเทศของ VinFast ยังต้องใช้เงินจำนวนมาก เพื่อทำให้ชาวอเมริกันคุ้นเคยกับแบรนด์ของบริษัท พร้อมกับการสร้างเครือข่ายดีลเลอร์สำหรับจัดจำหน่ายและค้าปลีกยานยนต์อีก
VinFast วางแผนที่จะเริ่มส่งมอบเอสยูวีรุ่น VF8 ขนาด 5 ที่นั่ง ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 402 แรงม้า วิ่งได้ไกลสูงสุด 508 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง โดยราคาเริ่มต้นที่ 40,700 ดอลลาร์ ให้กับลูกค้าในสหรัฐฯ ซึ่งรุ่นนี้คือรุ่นที่ถูกวางหมากเพื่อสู้กับ Tesla Model Y นั่นเอง
ปัจจุบันมีรถ VinFast วิ่งบนถนนสหรัฐฯ เพียง 310 คัน และว่ากันว่าอีก 100 คัน มีกำหนดส่งมอบในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าจะตามทันในตลาด EV สหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด