บ้านปู EBITDA พุ่ง 120% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งเป้าปี 66 เพิ่มกำลังผลิต ก๊าซและถ่านหิน

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เผยผลการดำเนินธุรกิจปี 2565 โดยมีรายได้จากการขายรวม 272,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 87% มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 137,300 ล้านบาท หรือเพิ่ม 120% จากปีก่อนซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 40,519 ล้านบาท

ผลประกอบการและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และการผ่อนคลายของสถานการณ์โควิดที่ส่งผลให้ความต้องการพลังงานมากขึ้น ในขณะที่ supply ผลิตไม่ทันทำให้เกิดวิกฤติพลังงาน ประกอบกับความตึงเครียดของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่สร้างความผันผวนใหักับราคาพลังงานทั่วโลก เป็นเหตุผลให้ราคาถ่านหินและก๊าซปรับตัวสูงขึ้นมาก

ปัจจัยที่ทำให้บ้านปูมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด มาจากการ synergy กับกลุ่มธุรกิจก๊าซในอเมริกา ได้แก่ โรงไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ Temper 1 ของบ้านปู พาวเวอร์ และการลงทุนใน New S Curve ตัวใหม่ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ผ่านการจัดตั้งบ้านปู venture capital เพื่อลงทุนในธุรกิจที่มีความสำคัญในอนาคต และสามารถต่อยอดกลุ่มธุรกิจ energy technology ของบ้านปูได้ ซึ่งเป็นการเร่งการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener&Smarter

ในส่วนของบ้านปู เน็กซ์ เป็นบริษัทลูกที่มีรายได้คงที่จึงต้องการ scale up เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไร โดยมีธุรกิจผลิตแบตเตอรี่และ renewable farm เป็น 2 ธุรกิจหลักที่มีความสามารถในการสร้างกำไร เนื่องจากมีการเติบโตสูง

อย่างไรก็ตาม บ้านปูตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตปี 2566 ในกลุ่มธุรกิจ energy resources ได้แก่ ก๊าซและถ่านหิน โดยคาดว่าจะสามารถมีปริมาณการขายก๊าซทั้งปีประมาณ 280 พันล้านลูกบาศก์ฟุต และมีปริมาณการขายถ่านหินอยู่ที่ 42 ล้านตัน

สำหรับเป้าหมายการลงทุนในปี 2566-2568 แบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็น 60% ในธุรกิจ Non Gas เช่น พลังงานหมุนเวียนหรือเทคโนโลยีด้านพลังงาน และลงทุนในธุรกิจ Gas based ในอเมริกาประมาณ 40% เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้าหรือแหล่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามกลยุทธ์ Greener&Smarter ในปี 2568